เคยเป็นไหมพอต้องตกแต่งภายในเองทีไร เจองบบานปลายบ้าง ฟังก์ชันการใช้งานของเฟอร์นิเจอร์ไม่เหมาะสมบ้างเพราะเน้นแต่ดีไซน์เยอะไปหน่อย หรือพื้นที่ไม่เพียงพอ จัดแต่งออกมาดูรกหูรกตาแทนที่จะสวยงามน่าอยู่ ปัญหา interior design เป็นปัญหาที่ชาวบิกินเนอร์มักพบเจอเพราะขาดประสบการณ์ที่ดีในการจัดแต่งออกแบบพื้นที่อย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตามปัญหาของ interior design จะหายไปได้หากเลือกใช้บริการกับผู้รับเหมาตกแต่งภายในที่เหมาะสม

รวมปัญหาการตกแต่งภายใน เจอแบบไหนบ้าง?

• ปัญหางบบานปลาย 

ปกติเชื่อว่าเวลาตกแต่งหรือการออกแบบภายใน สิ่งสำคัญคือหลายคนมักจะมีงบสำหรับซื้อของตกแต่ง แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับเสียหายหลายบาท แถมของที่ได้ก็ไม่ได้ตรงตามความต้องการขนาดนั้นหรืออาจเจอปัญหาพื้นที่ไม่เพียงพอเป็นต้น 

• เลือกวัสดุตกแต่งไม่เหมาะสม

การเลือกวัสกุที่ไม่เหมาะสม จะทำให้วัสดุมีปัญหา เช่น เสื่อมสภาพเร็ว ไม่ทนทานต่อสภาอากาศภายในพื้นที่นั้นๆ เป็นต้น

• การออกแบบไม่ลงตัว 

การออกแบบที่ไม่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์หรือขนาดของพื้นที่ สร้างความไม่สดวกสบายในการใช้งาน เช่นอาจวางโซฟาชิดกับทางเดินผ่านมากเกินไป ทำให้เวลาเดินอาจลำบากและไม่สะดวกเท่าที่ควร 

• การตกแต่งดูรกรุงรัง

การตกแต่งที่เหมาะสมคือการตกแต่งที่มีความเข้ากันของการดีไซน์ เฟอร์นิเจอร์ และอื่นๆ ในการตกแต่ง แต่หลายๆ ครั้ง สำหรับผู้ที่ไม่มีความเข้าใจในการตกแต่งอาจสร้างความรกรุงรังเกินจำเป็นได้ มีสีสันที่ตัดกันเกินไป และไม่มีความสมดุล เป็นต้น

ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นปัญหาที่สามารถพบเจอได้โดยทั่วไปสำหรับการออกแบบตกแต่ง เพราะการตกแต่งพื้นที่ให้ออกมาเป็นตามความคาดหวังนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะในพื้นที่ใหญ่ๆ ที่ต้องมีการ balance อย่าเหมาะสมด้วย 

ใช้บริการผู้รับเหมาตกแต่งภายใน เพื่อบ้านที่ตรงใจและไม่เสียเวลา

เราได้ทราบถึงปัญหาที่คนออกแบบตกแต่งภายในเองต้องเจอไปแล้ว มาดูทางออกของปัญหานี้กันดีกว่า อย่างแรกเลยในฐานะผู้รับหมาตกแต่งภายใน USfurnish แนะนำว่าควรทำตามนี้ 

• ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ: ผู้รับเหมาตกแต่งภายในมีประสบการณ์และความรู้ด้านการออกแบบที่หลากหลาย สามารถนำเสนอไอเดียและแนวคิดใหม่ๆ ที่คุณอาจไม่เคยคิดถึงมาก่อน ช่วยให้คุณได้บ้านที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์
• ประหยัดเวลาและแรงกาย: การตกแต่งบ้านเป็นงานที่ใช้เวลาและความพยายามมาก การจ้างผู้รับเหมาตกแต่งภายในจะช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเวลาไปกับการเลือกวัสดุ หาช่าง หรือคุมงานเอง
• วางแผนงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ: ผู้รับเหมาจะช่วยวางแผนงบประมาณให้เหมาะสมกับความต้องการของคุณ และแนะนำวัสดุหรือเฟอร์นิเจอร์ที่คุ้มค่า
• งานเสร็จเร็วและมีคุณภาพ: ผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์จะสามารถทำงานได้รวดเร็วและมีคุณภาพ ทำให้คุณได้บ้านใหม่ที่พร้อมใช้งานได้ทันที
• ลดความเสี่ยงในการเกิดข้อผิดพลาด: ผู้รับเหมาจะคอยตรวจสอบและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการก่อสร้าง ทำให้คุณมั่นใจได้ว่างานจะออกมาสมบูรณ์แบบ
• ได้บ้านที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์: ผู้รับเหมาจะทำความเข้าใจถึงความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคุณ เพื่อสร้างพื้นที่ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง

เปรียบเทียบง่ายๆ คือ การจ้างผู้รับเหมาตกแต่งภายในก็เหมือนกับการจ้างช่างแต่งหน้ามืออาชีพมาเนรมิตให้คุณสวยเป๊ะนั้นแหละ เพราะผู้รับเหมาเหล่านี้ก็จะคอยดูแลทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกเครื่องสำอาง (วัสดุ) ไปจนถึงการแต่งหน้าให้เข้ากับรูปหน้า (ออกแบบให้เข้ากับพื้นที่) ผลลัพธ์ที่ได้คือบ้านของคุณจะสวยงามและมีเสน่ห์ดึงดูด ดังนั้นถ้าวันนี้คุณยังเลือกแบบการแต่งบ้านไม่ได้ ให้ Usfurnish เข้าไปช่วยดูแลพื้นที่ของคุณจะดีกว่า 

รีโนเวทคอนโดเก่า สร้างสรรค์พื้นที่ในฝันด้วยบริการรับออกแบบตกแต่งภายในคอนโด| USfurnish

ถ้าใครที่ติดตามโซเชียลมีเดียอยู่บ้าง โดยเฉพาะในเรื่องการรับออกแบบตกแต่งภายในคอนโด และการออกแบบภายในทั่วไป สิ่งที่น่าจะคุ้นเคยกันดีคือการออกแบบตกแต่งภายในคอนโดเก่าที่เรียกว่าเป็นการรีโนเวทให้มีผลลัพธ์สวยงาม ซึ่งก็อาจเป็นตั้งแต่การทุบผนัง สร้างห้องใหม่หรือเพียงเพิ่มเฟอร์นิเจอร์และออกแบบ ซึ่งผลลัพธ์ส่วนใหญ่ถือว่าน่าอยู่กว่าคอนโดใหม่ในสมัยนี้มาก เพราะด้วยพื้นที่ที่กว้างขวาง การตกแต่งที่มีสไตล์ของเจ้าของห้องแทบจะ 100% และฟังก์ชันต่างๆ ที่ตอบโจทย์ การรีโนเวทคอนโดเก่ากลายเป็นกระแสยอดนิยมที่ทำให้ใครต่อใครตาลุกวาว 

ทำไมใครๆ ก็ควรหันมารีโนเวทคอนโดเก่า?

การรีโนเวทคอนโดต้องมีการลงทุนหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกอาคาร เลือก facility เลือกดีไซน์และรูปแบบของห้อง หรือจะเป็นการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ แต่ถ้ามองแบบนี้อาจจะทำให้คุณท้อได้ เพราะในความเป็นจริงแล้วการรีโนเวทคอนโดเก่ามีข้อดีมากกว่าที่คิดเยอะมาก

• ปรับปรุงสภาพและเพิ่มมูลค่าอาคาร: การรีโนเวทจะช่วยปรับปรุงสภาพของคอนโดให้ดูใหม่และทันสมัยขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าของคอนโดเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เมื่อต้องการขายต่อก็จะได้ราคาที่ดีขึ้น

• สร้างพื้นที่เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์: คุณสามารถออกแบบและตกแต่งคอนโดให้ตรงกับความต้องการและรสนิยมของคุณเอง ทำให้ได้พื้นที่อยู่อาศัยที่สบายและผ่อนคลายได้ในแบบที่คุณชอบ เพราะโดยปกติคอนโดใหม่มักจะมีพื้นที่ built in ที่ขยับไม่ได้ ดังนั้นการมีพื้นที่ที่สามารถออกแบบได้เองจึงเป็นอุดมคติสำหรับหลายๆ คนอย่างแน่นอน

• แก้ไขปัญหาพื้นที่ใช้สอย: หากพื้นที่ใช้สอยเดิมไม่ลงตัว การรีโนเวทจะช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนรูปแบบห้องต่างๆ ให้เหมาะสมกับการใช้งานมากขึ้น 

เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบาย: การเปลี่ยนแปลงระบบไฟฟ้า ประปา และวัสดุที่ล้าสมัย จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย

ขั้นตอนการออกแบบตกแต่งภายในคอนโด มีอะไรบ้าง?

การออกแบบตกแต่งภายในคอนโดให้สวยงามและตอบโจทย์การใช้งาน

นั้น ต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ ดังนี้

1. ปรึกษาและวางแผน:

• ทำความเข้าใจความต้องการ: ผู้รับเหมาจะสอบถามความชอบ สไตล์ที่คุณต้องการ และงบประมาณที่คุณตั้งไว้
• สำรวจพื้นที่: ผู้รับเหมาจะเข้ามาสำรวจพื้นที่จริงเพื่อดูขนาดห้อง รูปทรง และตำแหน่งของจุดต่าง ๆ เช่น ประตู หน้าต่าง
• กำหนดขอบเขตงาน: กำหนดว่าจะปรับปรุงส่วนไหนบ้าง เช่น เปลี่ยนผนังทาสี ปรับเปลี่ยน layout ห้อง หรือติดตั้งบิวท์อิน

2. ออกแบบเบื้องต้น:

• ร่างแบบแปลน: ผู้รับเหมาจะร่างแบบแปลน เลเอาท์แปลนเบื้องต้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของการจัดวางเฟอร์นิเจอร์และพื้นที่ใช้สอย
• เลือกสไตล์: เลือกสไตล์การตกแต่งที่ต้องการ เช่น สไตล์โมเดิร์น มินิมอล หรือคลาสสิก
• เลือกวัสดุ: เลือกวัสดุ ธีมสี ที่ใช้ในการตกแต่ง เช่น วอลเปเปอร์ พื้น กระเบื้อง และสีทา
• ทำราคาเสนอ : ส่งใบเสนอราคาคร่าวๆ จากเลเอาท์แปลนเบื้องต้น
• ชำระมัดจำ : ค่าออกแบบก่อนขึ้นทำแบบภาพ 3 มิติ

3. นำเสนอแบบ 3D:

• สร้างภาพจำลอง: ผู้รับเหมาจะสร้างภาพ 3 มิติ เพื่อให้คุณเห็นภาพของห้องที่ตกแต่งเสร็จสมบูรณ์
• ปรับแก้แบบ: คุณสามารถขอปรับแก้แบบได้ตามความต้องการ จนกว่าจะพอใจ

4. อนุมัติแบบ:

• ตกลงรายละเอียด: เมื่อคุณพอใจกับแบบ 3 มิติแล้ว ก็จะทำการอนุมัติแบบ สรุปแบบไฟนอล
• ทำใบเสนอราคา: ใบเสนอราคาไฟนอล สรุปราคา
• ลงในสัญญา: ทำสัญญาจ้างและชำระเงินมัดจำบิวท์อิน

5. ดำเนินการก่อสร้าง:

• เตรียมพื้นที่: เตรียมพื้นที่ก่อสร้างโดยการเคลียร์ของออก
• ดำเนินการตามแบบ: ช่างจะดำเนินการก่อสร้างตามแบบที่ได้ตกลงกันไว้
• ตรวจสอบความเรียบร้อย: ตรวจสอบความเรียบร้อยของงานเป็นระยะ

6. ตรวจรับงาน:

• ตรวจสอบงาน: ตรวจสอบความเรียบร้อยของงานทั้งหมดอีกครั้ง แก้ไขงานตามที่แจ้ง
• ชำระเงินค่าก่อสร้าง: ชำระเงินส่วนที่เหลือ

เลือกบริการรับออกแบบตกแต่งคอนโดเก่าจากผู้เชี่ยวชาญ | USfurnish

บริการออกแบบตกแต่งคอนโดกลายมาเป็นทางเลือกที่ไม่ควรมองข้ามเมื่อพูดถึงการรีโนเวทคอนโดเก่า แน่นอนว่าคุณคงอยากตกแต่งคอนโดให้ออกมาเป็นสไตล์ของตัวเองมากที่สุด แต่อย่าลืมว่าการที่จะสามารถทำแบบนั้นได้ต้องเข้าใจองค์ประกอบและรูปแบบของพื้นที่ใช้สอยอย่างดี รวมถึงการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่ราคาเป็นมิตร ซึ่งสามารถจัดการได้ง่ายๆ เพียงคุณใช้บริการกับบริษัทรับออกแบบตกแต่งคอนโด 

USfurnish คือบริการรับออกแบบตกแต่งภายในคอนโดที่เชื่อว่าที่อยู่อาศัยไม่ได้หามาง่ายๆ แต่สามารถมอบให้คุณได้ด้วยควาทเชี่ยวชาญแบะประสบการร์การออกแบบตกแต่งหลากหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการรีโนเวทคอนโดเก่า หรือตกแต่งคอนโดใหม่ บริการรับออกแบบตกแต่งภายในอย่าง USfurnish สามารถมอบให้คุณได้อย่างแน่นอน 

รู้จักพื้นฐานของการตกแต่งภายในบ้านจากผู้เชี่ยวชาญ USfurnish

การตกแต่งภายในบ้านหรือที่เรารู้จักกันในนาม interior design มักจะมีพื้นฐานขั้นพื้นฐานที่ผู้ออกแบบควรรู้จักเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่สำหรับใครที่ยังเป็นมือใหม่ในการตกแต่งภายในบ้าน การเข้าใจพื้นฐานนั้นเป็นเรื่องสำคัญกว่าที่คิด มาดูกันว่าพื้นฐานของ interior design คืออะไรและมีแบบไหนบ้าง 

การตกแต่งภายในบ้าน คืออะไร?

ตกแต่งภายใน หรือ interior design คือการวางแผนการออกแบบและตกแต่งพื้นที่ในบ้านอย่างเหมาะสม รวมไปถึงการออกแบบ เพื่อให้บ้านมีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัย แต่ก็ยังมีสไตล์ในแบบที่ผู้พักอาศัยต้องการ

5 basics: การตกแต่งภายในบ้านพื้นฐานที่ควรรู้

1.สไตล์ 

เลือกสไตล์การตกแต่งภายในตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อให้พื้นที่ของคุณดูกลมกลืนและมีจุดหมายชัดเจน มีสไตล์การตกแต่งให้เลือกมากมาย เช่น ชาบี้ชิค ทัสคาน มิดเซ็นทูรี่โมเดิร์น อินดัสเทรียล สแกนดิเนเวียน หรือฟาร์มเฮาส์ ซึ่งแต่ละสไตล์จะมีองค์ประกอบ สีสัน รูปแบบหน้าต่าง แผนผัง และแม้แต่สไตล์งานศิลปะบนผนังที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำความคุ้นเคยกับสไตล์ต่างๆ รวมถึงเทรนด์การตกแต่งที่กำลังมาแรง เพื่อค้นหาสไตล์และไอเดียการตกแต่งที่คุณชื่นชอบ

2.จุดโฟกัสในแต่ละห้อง (Focal point)

แต่ละห้องจะมีจุดโฟกัสที่น่าสนใจและน่าลงทุนตกแต่ง เช่น ผลงานศิลปะ หรือโซฟาสวยๆสักตัวที่จะดึงดูดสายตา บางคนอาจเลือกตู้เย็นสีฉูดฉาดในห้องครัว แล้วตกแต่งส่วนอื่นๆ เป็นแบบธรรมดา เพื่อไม่ให้ห้องดูหลุดโฟกัสจนเกินไป สร้างความสวยงามแบบพอดีพองาม 

3.ความสมดุลภายในพื้นที่ 

สร้างความสมดุลในห้องด้วยการจัดวางเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งให้มีน้ำหนักเท่ากัน พิจารณาขนาด เนื้อสัมผัส และตำแหน่งของสิ่งของ การใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ จะทำให้ห้องดูสมบูรณ์และลงตัวมากขึ้น

4.ปล่อยให้มีพื้นที่ว่าง ระหว่างการวางเฟอร์นิเจอร์ 

ปกติเวลาได้เฟอร์นิเจอร์มา คนส่วนใหญ่มักจะดันให้ติดผนังไปเลย ไม่ก็ปล่อยให้ติดกับพื้นที่ไปเลย แต่ในความเป็นจริงตรงนี้จะทำให้ห้องดูแคบและไม่มีมิติ แนะนำว่าควรให้เฟอร์นิเจอร์มีพื้นที่หายใจบ้าง คือไม่ติดเกินไป ปล่อยให้มีพื้นที่บ้าง 

5.จำไว้ว่าบ้านไม่ใช่โชว์รูม 

อย่าพยายามวางเฟอร์นิเจอร์หรือของใหม่ๆ ในบ้านให้ดูเหมือนโชว์รูม เพราะอย่าลืมว่าคุณควรตกแต่งบ้านตามฟังก์ชันและมีการใช้งานจริง เช่นถ้ามีสุนัขในบ้าน การมีพรมในบ้านอาจสกปรกจนเกินไป หรือการมีหมอนบนโซฟาเยอะๆ อาจสร้างความรกมากกว่าความสวยงาม และการใช้งานที่ไม่สมจริง เป็นต้น 

6.แสงสำคัญพอๆ กับการออกแบบ

จำไว้ว่าต่อให้ห้องดูดี หรือสวยแค่ไหน ถ้าแสงเข้าไม่ถึงก็ไม่สวย ฉะนั้นการเปิดรับให้แสงเข้าไปในห้องอย่างทั่วถึงก็มีความสำคัญ หรืออาจจะเป็นการเพิ่มแสงเข้าไปเองเช่นโคมไฟ หรือเลือกโทนสีในห้องเป็นแบบที่ตัวเองชอบเช่น warm tone หรือ แสง สี แบบห้องเกมเมอร์ก็ได้เช่นเดียวกัน

 ใครบ้างที่ไม่อยากให้บ้านของตัวเองมีประโยชน์ใช้สอยสมกับที่เป็นบ้าน? ปัจจุบันมีหลายคนที่อาศัยอยู่ในบ้าน 3 ชั้น เช่นกลุ่มอาคารพาณิชย์หรือบ้านที่สร้างเองด้วยพื้นที่จำกัด การมีบ้านที่สูงจึงตอบโจทย์มากกว่า แต่ปัญหาจะอยู่ที่การออกแบบบ้านภายในที่อาจจะต้องคิดอย่างละเอียดรอบคอบว่าทำอย่างไรให้ออกมาดูดีและฟังก์ชันครบ  หากคุณกำลังวางแผนการออกแบบบ้านภายในหรือต้องการปรับปรุงบ้าน บทความนี้จะเป็นช่วยให้คุณสามารถใช้พื้นที่ในบ้าน 3 ชั้นได้อย่างคุ้มค่าและเต็มประสิทธิภาพที่สุด 

คำนึงถึงฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครันก่อนเสมอ

เมื่อคิดจะออกแบบบ้านภายในหลังใหม่หรือปรับปรุงบ้านเก่าก็แล้วแต่ สิ่งสำคัญคือการวิเคราะห์ความต้องการของทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ส่วนตัว พื้นที่สำหรับทำงาน พื้นที่สันทนาการ และอื่นๆ ด้วยบ้าน 3 ชั้น คุณสามารถแบ่งสรรพื้นที่ได้อย่างชาญฉลาด เพื่อให้ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัวที่สุด

• ชั้นแรก: พื้นที่สำหรับครอบครัว

ชั้นแรกควรจัดสรรเป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับพักผ่อนและทำกิจกรรมร่วมกันของทุกคนในบ้าน เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร และครัว นอกจากนี้ คุณยังสามารถตกแต่งให้มีพื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้หรือสวนหย่อมขนาดเล็กได้ด้วย เพื่อให้บรรยากาศในบ้านผ่อนคลายและสดชื่นมากขึ้น

• ชั้นที่สอง: ห้องนอนและห้องทำงาน

เพื่อการออกแบบบ้านภายในอย่างมีประสิทธิภาพ ชั้นที่สองเหมาะสำหรับการจัดวางห้องนอนของทุกคนในบ้าน รวมถึงห้องทำงานหรือห้องอเนกประสงค์ หากมีสมาชิกในบ้านที่ work from home แล้วด้วยละก็ การแบ่งพื้นที่ทำงานและพักผ่อนอย่างชัดเจนจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนห้องนอนเป็นห้องทำงานได้หากมีความต้องการเพิ่มเติมในอนาคต

• ชั้นที่สาม: ห้องออกกำลังกายและพื้นที่พิเศษเพิ่มเติม 

ชั้นที่สามเป็นจุดเด่นของบ้าน 3 ชั้น เหมาะสำหรับการจัดพื้นที่ออกกำลังกายหรือห้องเล่นเกม หรือแม้แต่ห้องชมวิวสำหรับผ่อนคลายบรรยากาศ นอกจากนี้ คุณยังสามารถปรับพื้นที่บางส่วนเป็นห้องดนตรี ห้องนวดสปา หรือพื้นที่สำหรับงานอดิเรกตามความชอบของคุณได้อีกด้วย เหตุผลที่ห้องเหล่านี้ควรอยู่ชั้นสามเป็นเพราะมันจะห่างไกลเสียง มีความสงบ ดังนั้นเมื่อพูดถึงการออกแบบบ้านภายในชั้นสามจึงเหมาะจะเป็นห้องสันทนาการที่สุด

เคล็ดลับการออกแบบภายในบ้านที่คุ้มค่า

นอกเหนือจากการแบ่งพื้นที่อย่างเหมาะสมแล้ว การออกแบบบ้านที่คุ้มค่ายังรวมถึงการเลือกใช้วัสดุที่ทนทาน ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คุณสามารถลองใช้ผนังกั้นห้องแบบเลื่อนได้ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งานพื้นที่ และการติดตั้งระบบแสงสว่างที่เหมาะสมก็จะช่วยให้บ้านดูกว้างขวางและโปร่งสบายมากขึ้น

สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการออกแบบบ้านภายในและการตกแต่งภายใน สามารถเข้าชมเว็บไซต์ USFURNISH ได้ เพราะที่นี่เรามีแหล่งรวมไอเดียการจัดบ้านและเฟอร์นิเจอร์คุณภาพสูงที่จะช่วยให้บ้านของคุณสวยงามและมีประโยชน์ใช้สอยอย่างคุ้มค่าที่สุด

สำหรับบ้าน 3 ชั้น การวางผังและแบ่งพื้นที่อย่างถูกวิธีเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้บ้านของคุณมีประโยชน์ใช้สอยได้อย่างเต็มที่ ด้วยการจัดสรรพื้นที่ตามความต้องการที่แตกต่างกันของสมาชิกในบ้าน คุณจะได้บ้านที่ตอบโจทย์ทุกกิจกรรม พร้อมทั้งสร้างความสุขและความสะดวกสบายให้กับทุกคนในครอบครัว ลองนำไอเดียออกแบบบ้านภายในเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้กับบ้านของคุณ และคุณจะได้พบกับที่คุ้มค่าทุกตารางเมตรอย่างแน่นอน

มินิมอล คือสไตล์ที่มีความเรียบง่ายและเน้นฟังก์ชันการใช้งานที่ครบคัน ดูไม่รก สีเรียบๆ ออกไปในทางเอิร์ธโทน ซึ่งอาจเรียกว่ามีความตรงกันข้ามกับความเป็นสายมู ที่จะมีความ maximal จึงเรียกว่าหากต้องแต่งบ้านด้วยสองสไตล์นี้เป็นหลัก  อาจจะมีความขัดแย้งกันหน่อยๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วการแต่งบ้านแบบมินิมอลแต่ยังคงความเป็นสายมูนั้นสามารถทำได้ หากลองปรึกษาบริษัทออกแบบตกแต่งภายในอย่างถูกต้อง แถมยังง่ายกว่าที่คิดด้วย มาดูกันว่าแต่งบ้านสายมูควบคู่มินิมอลคือการแต่งบ้านแบบไหน 

เน้นเลือกเครื่องมูสีเดียวเรียบๆ ไม่เน้นดีเทลเยอะ

ตรงนี้สำหรับใครที่งง ง่ายๆ คือการแต่งบ้านที่เน้นพื้นหลังเป็นสีเรียบๆ แต่ตัดกับสิ่งของหรือสิ่งที่คุณต้องการมู เช่นกรณีของชาวพุทธอาจจะเลือกแท่นวางเป็นสีดำเข้ม แล้ววางพระพุทธรูปซึ่งเป็นสีทองตรงกลาง เพียงเท่านี้ก็จะทำให้แท่นประพุทธรูปดูมีสไตล์แต่ก็ยังสามารถบ่งบอกความเป็นสายมูได้ดีมากขึ้น และสำหรับใครที่มูสายสุขภาพ การหาม้าตั้งโชว์มาวางจะสื่อถึงความแข็งแกร่ง ไม่เจ็บป่วย คุณก็อาจลองหาม้าตั้งโขว์ซึ่งส่วนใหญ่จะมาในสีทองแดง ทีเทาๆ หรือสีทอง เน้นเรียบๆ ไม่เน้นดีเทลสีสันเยอะ เพียงเท่านี้ก็มินิมอลมากแล้ว 

มากไปกว่านี้ สำหรับใครที่ต้องการเสริมความมูในเรื่องของการค้าขาย สินค้าอย่างเช่นเรือสำเภาเรียกทรัพพ์ก็น่าสนใจ โดยเฉพาะหากคุณทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อกับต่างประเทศ เรือสำเภาชนนี้จะเป็นตัวช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้ แถมยังสามารถมีความมินิมอลได้ด้วย เพราะมักจะทำมาจากไม้สีพื้นบวกกับผ้าใบที่เป็นสีขาวสีเรียบๆทำให้เข้ากับตีมความมินิมอลอย่างไม่ต้องพยายามเลย 

เลือกทิศทาง/ การเว้นระยะการวางเฟอร์นิเจอร์ไปในทิศทางที่เป็นมงคล 

หนึ่งในทางเลือกที่ฉลาดและได้ผลจริงของบริษัทออกแบบตกแต่งภายในอย่าง USfurnish ชอบทำ คือการมองเรื่องของนามธรรม และทิศทางมงคลเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับสายมูที่ต้องการคีพความน้อยๆ เรียบๆ เอาไว้แต่ก็ยังมีความมูแถมยังได้ใช้เฟอร์นิเจอร์สายมินิมอลอย่างเต็มที่ในเวลาเดียวกัน 

• ตัวอย่าง: เลือกโซฟาแบบโมเดิร์น โต๊ะทำงานแบบบิวท์อิน เตียงนอนที่มีลิ้นชักเก็บของจัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้เว้นระยะ คียืเวิร์ดสำคัญคือการเว้นระยะที่มีความเป็นมูได้

• ตัวอย่าง: เว้นระยะระหว่างโซฟากับโต๊ะกลางประมาณ 1 เมตร เว้นระยะระหว่างเตียงนอนกับผนังประมาณ 50 ซม. 
• วางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นสำคัญไว้ทิศมงคล เช่น โต๊ะทำงานวางทิศเหนือ ตัวอย่างเช่น วางเตียงนอนทิศตะวันออก วางโต๊ะทำงานทิศเหนือ วางเตาแก๊สทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นต้น

แขวนรูปที่มีความเป็นมงคล เน้นความเป็นธรรมชาติและเรียบง่าย

การตกแต่งบ้านสายมูให้ดูมินิมอลในแบบของบริษัทออกแบบตกแต่งภาย อีกหนึ่งทางเลือกคือการเลือกรูปที่มีวิวธรรมชาติ หรือรูปที่เกี่ยวกับสัตว์ที่เป็นมงคลขึ้นอยู่กับการมูว่าคุณต้องการมูเรื่องอะไร ลองเลือกของประดับที่มีความหมายมงคล เช่น รูปปลาคาร์ฟ รูปนกฮูก เช่นอาจจะแขวนรูปปลาคาร์ฟไว้ในห้องนั่งเล่น วางรูปนกฮูกไว้บนโต๊ะทำงาน เลือกของประดับที่มีสีสันสดใส ช่วยเพิ่มพลังชีวิตชีวาให้กับบ้าน ตัวอย่างเช่น วางแจกันดอกไม้สีสันสดใส แขวนภาพวาดสีสันสดใส หรืออาจจะเลือกของประดับที่มีรูปทรงเรียบง่าย สอดคล้องกับสไตล์มินิมอล เช่นการวางรูปปั้นหินเรียบง่าย แขวนโมบายล์รูปทรงเรขาคณิต เป็นต้น 

สำหรับใครที่มองหาแนวทางการแต่งบ้านมินิมอลหรือแบบใดๆ ก็ตาม USfurnish เราจะเป็นอีกหนึ่ง interior ที่สามารถสานฝันของคุณให้เป็นจริงได้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเฟิร์นิเจอร์ เลือกเครื่องประดับ ไปจนถึงการเลือกต้นไม้มงคล แบบไหนที่ลูกค้าต้องการเราสามารถตอบโจทย์คุณได้อย่างแน่นอน มาเริ่มเป็นสายมูอย่างมีสไตล์กับเรากันเถอะ