ตกแต่งบ้าน ตกแต่งcondo ด้วย Interior designer อย่างไร ให้ถูกใจ ครบจบในสไตล์ที่คุณต้องการ
แม้ว่าการตกแต่งบ้านหรือคอนโดนั้นไม่ใช่เรื่องยากมากนัก แต่ไม่ควรชะล่าใจ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นเดียวกัน หากต้องการเลือกใช้บริการรับออกแบบภายใน เพื่อได้บ้านและคอนโดที่ถูกใจทั้งภายนอกภายใน ควรชั่งน้ำหนักระหว่างความสวยงามกับประโยชน์ใช้สอยให้ดีเสียก่อน ผู้อยู่อาศัยควรให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนในการสร้างอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง โดยการตกแต่งภายในให้สมบูรณ์นั้น มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
1.คิด สรุป และเตรียมข้อมูลสำหรับบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน
ก่อนจะเริ่มหาบริษัทรับออกแบบภายใน เจ้าของบ้านควรทำความเข้าใจความต้องการของตนเอง และ สมาชิกในครอบครัวก่อนว่าต้องการที่อยู่อาศัยแบบใด การใช้งานแต่ละห้องเป็นอย่างไร ตกแต่งสไตล์ไหน และสรุปความต้องการออกมาให้ชัดเจน หากมีภาพตัวอย่างประกอบด้วยยิ่งดี เพื่อให้นักออกแบบภายในทำความเข้าใจได้ง่าย อีกทั้งยังช่วยตัดปัญหาเจ้าของบ้านปรับเปลี่ยนงานในภายหลัง ซึ่งอาจทำให้งานเกิดความล่าช้ากว่ากำหนด รวมถึงทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ เนื่องจากต้องรื้องานแก้ใหม่
2. ทำความรู้จักสไตล์งานของนักออกแบบภายในที่ชอบ
อินทีเรียแต่ละคนมีสไตล์การออกแบบที่ไม่เหมือนกัน บางคนถนัดงานสไตล์โมเดิร์น บางคนอาจถนัดสไตล์คลาสสิก หากผู้จ้างชอบงานประเภทไหน ควรเลือกมัณฑนากรที่มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบตกแต่งภายในในสไตล์นั้นๆ หรือเลือกใช้บริษัทที่มีมัณฑนากรหลากหลายสไตล์ เพื่อให้ได้แบบที่ตรงใจ ซึ่งถ้าหากผู้อยู่อาศัยมีงบประมาณที่จำกัด สามารถแจ้งมัณฑนากรให้ทราบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหางบบานปลาย
3. สำรวจความเชี่ยวชาญของมัณฑนากร และ บริษัทออกแบบภายใน
การจะเลือกบริษัทออกแบบภายใน ไม่ใช่เพียงแค่พิจารณาจากรูปผลงานที่นำเสนอเท่านั้น แต่ควรพิจารณาร่วมกับประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาควบคู่กันไปด้วย ว่ามีการทำงานอย่างเป็นระบบหรือไม่ เริ่มตั้งแต่มีทีมนักออกแบบตกแต่งภายใน ควรเลือกคนที่มีความเชี่ยวชาญ ประสานงานรวดเร็ว รับฟังความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน
4. พูดคุยกับนักออกแบบตกแต่งภายใน
เนื่องจากการตกแต่งบ้านเป็นงานที่ละเอียดอ่อน มัณฑนากร หรือ บริษัทรับออกแบบตกแต่งภายในควรทำความเข้าใจความต้องการของเจ้าของบ้านในทุกมิติ ตั้งแต่คอนเซ็ปต์ที่ต้องการเพื่อให้งานออกมาในทิศทางที่สอดคล้องกัน รวมถึงแนวคิด สไตล์ การใช้สี การเลือกวัสดุ เป็นต้น ซึ่งนักออกแบบตกแต่งภายในที่ดีจะทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า และ นำเสนอไอเดียของตนสอดแทรกไปในงานอย่างใส่ใจเพื่อให้ผลงานออกมาสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
5. พูดคุยกับนักออกแบบตกแต่งภายใน
บริษัทรับออกแบบภายในที่ดีมีความน่าเชื่อถือ จะต้องมีการแจ้งรายละเอียดค่าใช้จ่ายไว้อย่างครบถ้วน เพื่อให้เจ้าของบ้านสามารถเตรียมงบประมาณล่วงหน้าได้ และ ป้องกันปัญหางานออกแบบตกแต่งภายในล่าช้ากว่ากำหนด เมื่อมีการพูดคุยถึงความต้องการอย่างชัดเจนแล้ว เจ้าของบ้านอาจขอใบเสนอราคา และ รายละเอียดค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงค่าบริการใช้จ่ายแอบแฝงต่างๆได้เลย
การออกแบบตกแต่งภายใน อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการก่อสร้างที่อยู่อาศัย
ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด อาคาร ออฟฟิศ หรือร้านค้า งานออกแบบตกแต่งภายใน เปรียบเสมือนการแสดงออกถึงอัตลักษณ์ รวมถึงสไตล์ที่สะท้อนผ่านงานตกแต่ ทั้งนี้งานออกแบบตกแต่งภายในจะสำเร็จลุล่วงตามความต้องการได้ ขึ้นอยู่กับ Interior designer ซึ่งมีหน้าที่ออกแบบ วางแผน และควบคุมงานสถาปัตยกรรมภายในอาคาร ทั้งในด้านศิลปะ เพื่อสร้างสรรค์ความสวยงาม รวมถึงมาตรฐานในเชิงโครงสร้างการใช้งาน ซึ่งนักออกแบบตกแต่งภายในที่ดีควรจะต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้
1. เข้าใจ และ ตอบโจทย์ทุกจินตนาการ
นักออกแบบที่ดีต้องสามารถแนะนำได้ว่าในพื้นที่ลักษณะนี้เมื่อรวมกับความต้องการของลูกค้าแล้ว สามารถผสมผสานออกมาให้ลงตัวได้อย่างไร อีกทั้งยังเป็นที่ปรึกษาช่วยแนะนำภาพในความคิดของลูกค้า ออกมาเป็นรูปเป็นร่างที่เห็นชัดเจนมากขึ้น เพื่อให้ได้ห้องในฝันตามแบบที่ผู้อยู่อาศัยต้องการ
2. ให้ความสำคัญถึงประโยชน์ในการใช้สอย
การตกแต่งบ้านให้สมบูรณ์ คือการผสมผสานระหว่างศาสตร์ และ ศิลป์ ตั้งแต่การจัดวางพื้นที่ รวมไปถึงคำนึงถึงการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ และการบิ้วอินที่มีความแตกต่างกันในการบิ้วอินบ้าน บิ้วอินคอนโด หรือสถานที่อื่นๆ ไปจนถึงหลักการออกแบบให้เป็นไปตามมาตรฐาน ส่วนหนึ่งจะใช้หลักการนำพฤติกรรมของผู้อยู่อาศัย และ สัดส่วนของผู้อยู่อาศัยมาออกแบบ เช่น ส่วนสูง การเดิน การกางแขน จำนวนผู้ใช้งานในพื้นที่นั้นๆ นำมาวิเคราะห์อย่างละเอียดก่อน เพื่อจัดสรรพื้นที่ให้ลงตัว เหมาะสมเเก่การอยู่อาศัย พร้อมใช้งานมากที่สุด
3. มีความเชี่ยวชาญในงานออกแบบตกแต่งภายใน อาศัยประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
เนื่องจากการทำบ้านมีงานของโครงสร้างอาคารเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งมีรายละเอียดปลีกย่อยจำนวนมาก รวมถึงการเลือกใช้วัสดุ และ สีสันให้เหมาะสมกับพื้นที่ ความเชี่ยวชาญจาก Interior Designer จึงมีส่วนสำคัญในการออกแบบเพื่อช่วยให้พื้นที่ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น และตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด
4. ถ่ายทอดความต้องการได้ตรงใจ
ปัญหาที่พบเจอได้บ่อยของการควบคุมงานออกแบบตกแต่งภายในเอง คือการได้รับงานที่ไม่ตรงตามความต้องการ อาจมีสาเหตุมาจากการสื่อสาร การใช้คำศัพท์เทคนิคเฉพาะทาง ทำให้ผู้รับเหมาไม่เข้าใจสิ่งที่เราต้องการสื่อสารได้ครบถ้วน รวมถึงอาจทำให้งานล่าช้า แต่ Interior Designer จะเป็นคนกลางที่ช่วยสื่อสารความต้องการของผู้จ้างและผู้รับเหมาได้อย่างตรงใจมากยิ่งขึ้น
5. ทำงานคุ้มค่าเงิน ประหยัดเวลา และได้คุณภาพ
นักออกแบบภายในจะช่วยควบคุมเรื่องงบประมาณไม่ให้บานปลาย จากการลองผิดลองถูก เช่น การเลือกเฟอร์นิเจอร์ วอลล์เปเปอร์ ของตกแต่ง ตลอดจนเรื่องของคุณภาพงานผลิตที่ Interior Designer ช่วยตรวจสอบก่อนรับมอบงานเสมอ
US Furnish เรามีทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์ในการทำงานตกแต่งภายใน งานบิ้วท์อิน ด้วยประสบการณ์มากกว่า 10 ปี สามารถถ่ายทอดงานที่ออกแบบให้มีความสร้างสรรค์ ทันสมัย และตามสไตล์ของผู้อยู่อาศัยให้มากที่สุดในทุกขั้นตอน US Furnish พร้อมดูแลลูกค้าอย่างครบวงจร เพื่อให้บ้านและคอนโดในฝันของคุณกลายเป็นความจริง
- Published in blog
ข้อควรต้องรู้สำหรับเจ้าบ้าน ในการใช้บริการบริษัทรับออกแบบภายในตั้งแต่ต้นจนจบ
เมื่อกล่าวถึงการแต่งบ้านในปัจจุบันแล้ว ต้องยอมรับว่าทุกคนสามารถตกแต่งบ้านได้ด้วยตนเอง ตามไลฟ์สไตล์ และ รสนิยมความชอบส่วนบุคคล แต่ถึงกระนั้นการสร้างสรรค์ตกแต่งภายในบ้านให้ออกมาสวยงาม อยู่สบาย พร้อมทั้งสามารถใช้งานได้อย่างครบครัน เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องคำนึงถึงหลายเหตุปัจจัยในการสร้างขึ้น ไม่เพียงแค่คำนึงถึงความสวยงามเท่านั้น แต่ยังควรควบคุมความเหมาะสมของวัสดุ และ โครงสร้างอีกด้วย เพราะเหตุนี้จึงทำให้เจ้าของบ้านจำนวนมากต้องการมองหาผู้มารับหน้าที่สร้างสรรค์ทุกอย่างภายในบ้านให้มีความลงตัวมากที่สุด อย่างนักออกแบบตกแต่งภายใน หรือ มัณฑนากร
นักออกแบบตกแต่งภายใน เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่หลายคนเรียกติดปากว่า อินทีเรีย ซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ออกแบบพื้นที่ว่างภายในอาคาร (Space) โดยคัดสรรวัสดุที่เหมาะสม พร้อมออกแบบให้ตอบสนองการใช้งาน (Human Scale) และอยู่ภายใต้บริบทของความสวยงาม นอกจากนั้นหน้าที่ของมัณฑนากรมีความแตกต่างจากสถาปนิกอยู่พอสมควร โดยสถาปนิกคือผู้ออกแบบตัวอาคารโดยรวมทั้งหมด ต้องทำงานร่วมกับวิศวกร ช่างผู้รับเหมา แต่มัณฑนากรเป็นผู้รับหน้าที่ออกแบบตกแต่งภายในเท่านั้น
ในกรณีที่ต้องออกแบบพื้นที่ภายในอาคารสาธารณะ ขนาด 500 ตารางเมตรขึ้นไป ผู้ออกแบบจำเป็นต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม สาขาสถาปัตยกรรมภายใน และมัณฑนศิลป์ จากสภาสถาปนิก ตามกฎกระทรวง พ.ศ. 2549 ว่าด้วยการกำหนดวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุม ซึ่งในขั้นตอนของการทำงานออกแบบ ทั้งสถาปนิก และ มัณฑนากรจะต้องทำงานร่วมกัน เพื่อให้บ้านหนึ่งหลังสวยงามทั้งภายนอก พร้อมทั้งอยู่สบายในพื้นที่ภายใน
แต่ในบางกรณีอย่างบ้านโครงการจัดสรร หรือ คอนโดมิเนียมที่ต้องรอการก่อสร้างเสร็จก่อน มัณฑนากรจึงจะเข้าดำเนินการออกแบบตกแต่งได้ในภายหลัง โดยระหว่างก่อสร้างมัณฑนากรจะเข้าตรวจสอบความเรียบร้อย และ สำรวจส่วนต่างๆ อาทิเช่น การวางระบบไฟ ระบบน้ำ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับการใช้งานของเจ้าของบ้าน ไปพร้อมกับการตกแต่งภายในให้เกิดความสวยงาม
แบ่งเงินสำหรับใช้ ‘ตกแต่งภายใน’ อย่างไรดี
หากต้องการออกแบบบ้านภายใน สิ่งที่ควรรู้ในเบื้องต้นสำหรับบอกกล่าวกับมัณฑนากร คือ ความต้องการของตนเอง อย่างรูปแบบความสวยงาม หรือ สไตล์บ้านที่ตนเองชื่นชอบ ตลอดจนการใช้งาน พร้อมทั้งกิจกรรมภายในบ้านที่ตนเอง และ ครอบครัวทำร่วมกันอยู่เสมอ นอกจากนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ งบประมาณสำหรับตกแต่งภายใน โดยวิธีคำนวณเงินเบื้องต้นสำหรับตกแต่งภายในนั้น ให้แบ่งเงิน 30% ของราคาบ้าน เพื่อเป็นค่าจัดสรรพื้นที่ภายใน ซึ่งภายในงบ 30% ของราคาบ้าน จะประกอบไปด้วย ค่าออกแบบโดยมัณฑนากร ค่าวัสดุ ค่าเฟอร์นิเจอร์ และค่าแรงช่าง
ทั้งนี้งบตกแต่งภายในจะมากหรือน้อยกว่านี้นั้น สามารถตั้งงบได้ตามสะดวก โดยที่เจ้าของบ้านเลือกจัดจ้างเฉพาะมัณฑนากรสำหรับออกแบบ แล้วหาช่างผู้รับเหมาเอง หรือมอบหน้าที่ทั้งหมดให้ มัณฑนากรดูแล ไปจนถึงการจัดจ้างบริษัทออกแบบภายใน ขึ้นอยู่กับข้อตกลงที่มีร่วมกัน ซึ่งค่าบริการออกแบบมักถูกกำหนดโดยสมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย (TIDA) เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ในส่วนของระดับอัตราค่าบริการวิชาชีพขั้นพื้นฐาน หรือค่าจ้างอินทีเรียนั้น ถูกกำหนดไว้เป็น 3 รูปแบบด้วยกันคือ
1.การคิดค่าบริการวิชาชีพแบบอัตราร้อยละ (Percentage of Project)
2.การคิดค่าบริการวิชาชีพแบบคำนวณจากเวลาทำงาน (Hourly Rate)
3.การคิดค่าบริการวิชาชีพแบบเหมารวม (Lump Sum)
ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว จะคิดค่าบริการออกแบบอัตราร้อยละ ตามลักษณะกลุ่มอาคารที่แบ่งเป็น 4 ประเภทด้วยกัน โดยบ้านพักอาศัย และ ห้องชุดพักอาศัย ถูกจัดอยู่ในอาคารประเภทที่ 2 โดยมีการคิดค่าบริการออกแบบดังนี้
- งบตกแต่งภายในไม่เกิน 5 ล้าน คิดค่าบริการวิชาชีพ 15%
- งบตกแต่งภายใน 5-10 ล้าน คิดค่าบริการวิชาชีพ 13%
- งบตกแต่งภายใน 10-20 ล้าน คิดค่าบริการวิชาชีพ 11 %
- งบตกแต่งภายใน 20-50 ล้าน คิดค่าบริการวิชาชีพ 10 %
- งบตกแต่งภายใน 50-100 ล้านบาท คิดค่าบริการวิชาชีพ 9 %
- งบตกแต่งภายใน 100-200 ล้านบาท คิดค่าบริการวิชาชีพ 8 %
- งบตกแต่งภายใน 200-500 ล้านบาท คิดค่าบริการวิชาชีพ 7 %
- งบตกแต่งภายใน 500 ล้านบาทขึ้นไป คิดค่าบริการวิชาชีพ 5 %
ควรจ่ายค่าจ้างช่วงเวลาไหน
โดยปกติทั่วไปแล้วเจ้าของบ้านมักจะไม่จ่ายเงินเป็นก้อนใหญ่ครั้งเดียวตั้งแต่ก่อนงานเริ่ม เพราะหากเป็นเช่นนั้น อาจเสี่ยงต่อการหนีงานเป็นอย่างสูง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการจัดจ้างสร้างบ้าน ต่อเติมบ้าน หรือตกแต่งบ้านก็ควรมีการแบ่งจ่ายเป็นงวดๆ โดยมาตรฐานสมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมภายใน ปีพ.ศ.2551 ได้มีกำหนดการจ่ายค่าออกแบบ ดังต่อไปนี้
เริ่มต้นที่ 10% ขั้นตอนการตกลงว่าจ้าง และ ทำสัญญาจ้าง 30% เสนองานออกแบบ หรือ ส่งแบบร่างเบื้องต้น ซึ่งเป็นแบบที่เกิดจากการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ สร้างสรรค์ให้เกิดความสวยงามตามแบบที่เจ้าของบ้านต้องการ ตามด้วย 20% ปรับปรุงแบบ หลังจากเสนอแบบครั้งแรก เจ้าของบ้านสามารถออกความคิดเห็นเพิ่มให้อินทีเรีย เพื่อปรับปรุงแบบตามความเหมาะสม ตลอดจนคัดเลือกสเปควัสดุ เพื่อให้แบบบ้านออกมาดีที่สุด อีก 30% ส่งมอบแบบที่สมบูรณ์ หลังจากปรับปรุงแบบเป็นที่เรียบร้อย ขั้นตอนต่อไปคือสรุปแบบเพื่อให้ช่างผู้รับเหมาดำเนินการสร้างจริง
ในส่วนนี้หากเจ้าของบ้านจัดหาผู้รับเหมาเองจะเป็นอันสิ้นสุดหน้าที่ของผู้ออกแบบ แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะให้อินทีเรียดูแลความเรียบร้อยในขั้นตอนคุมงานก่อสร้างจนบ้านเสร็จสมบูรณ์พร้อมเข้าอยู่ ซึ่งขึ้นอยู่กับเจ้าของบ้าน และ ผู้ออกแบบตกลงกัน ขั้นตอนสุดท้าย 10% เริ่มงานก่อสร้างจนใกล้แล้วเสร็จ เมื่อช่างผู้รับเหมาดำเนินการตกแต่งภายในบ้านตามแบบที่ออกแบบไว้ อินทีเรียจะยังคงดูแลความคืบหน้า ความเรียบร้อยในขั้นตอนก่อสร้างตกแต่งภายในให้เป็นไปตามแบบบ้านที่วางไว้
US Furnish บริษัทรับออกแบบตกแต่งภายในอย่างครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ผลิต ไปจนถึงติดตั้ง จบงานได้ในที่เดียว เพราะเรามีทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์ในการทำงานตกแต่งภายใน งานบิ้วท์อิน ที่มากด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปี นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ US Furnish เข้าใจถึงความสำคัญของบ้านที่เป็นที่พักผ่อนอย่างแท้จริง
- Published in blog
ไอเดียแต่งห้องแบบ Modern Luxury Style พร้อมวิธีการเลือกวัสดุธรรมดาๆ ให้ดูมีราคาแพง
Modern Luxury เป็นหนึ่งในสไตล์การแต่งห้อง ที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากจะทำ รูปแบบของการตกแต่งจะเน้นไปที่ความหรูหรา และ เรียบง่าย ซึ่งสไตล์นี้มักจะให้วัสดุในการทำเฟอร์นิเจอร์มาเป็นจุดที่สร้างความโดดเด่นภายในห้อง เพราะองค์ประกอบสำคัญของการแต่งห้องแบบ Modern Luxury คือการเลือกใช้วัสดุที่จะช่วยให้ห้องของคุณดูแพงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากวัสดุแต่ละชนิดจะมีพื้นผิว ลวดลาย และโทนสีที่อาจส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกภายในห้องของคุณให้แตกต่างกันออกไป โดยการเลือกใช้โทนสีส่วนใหญ่ของสไตล์นี้นั้น ส่วนมากมักจะใช้สีขาว สีดำ ไปจนถึงสีเอิร์ธโทน หรืออาจมีการแซมด้วยสีทอง Metallic เพื่อเน้นความหรูหราให้โดดเด่นขึ้นมา
หลายคนคงคิดว่าหากเลือกจะแต่งบ้านแบบ Modern Luxury คงต้องเสียเงินจำนวนมากในการตกแต่ง แต่ความจริงแล้ว หากคุณเข้าใจถึงการเลือกใช้วัสดุ ก็อาจไม่ต้องลงทุนจ่ายเงินในราคาแพงแต่ก็จะสามารถทำให้ดูแพงได้ไม่ยาก วัสดุที่เลือกนำมาใช้ไม่จำเป็นต้องมีราคาสูงเสมอไป เพียงแค่คุณอาจจะต้องเลือกใช้วัสดุที่สื่อถึงความหรูหรา มีรสนิยม ก็เพียงพอแล้ว ดังนั้น US Furnish ถึงจะพาทุกคนไปรู้จักกับวัสดุที่ ควรค่าแก่การจะนำมาใช้ในการแต่งห้องสไตล์ Modern Luxury ให้ลงตัวมากที่สุดโดยไม่ต้องใช้วัสดุที่มีราคาแพงจนเกินไป
เทคนิคการเลือกวัสดุธรรมดาที่ทำให้ห้องของคุณดูแพงด้วยสไตล์ Modern Luxury
-
สแตนเลส หรือ โลหะที่มีความวาว วัสดุที่ทำให้ห้องมีสไตล์ Modern Luxury
ไม่ว่าจะเป็นโลหะ สแตนเลส อลูมิเนียมขัดเงา ทองเหลือง หรือวัสดุสีเมทัลลิค วัสดุที่กล่าวมานี้นั้น ล้วนมีความแข็งแรง และพื้นผิวมีความมันวาว สามารถช่วยแสดงถึงความมั่งคั่ง เพิ่มความหรูหราจากการสะท้อนของแสงเงา ให้ห้องดูมีความเนี๊ยบ ดูแกรนด์ หากต้องการจะแต่งห้องให้ดูแพง และ ล้ำสมัย การเลือกใช้วัสดุเหล่านี้ก็สามารถทำห้องของคุณดู Modern Luxury ได้โดยไม่ต้องเสียงเงินแพง
-
การติดตั้งกระจกในห้อง ช่วยให้ห้องดูกว้าง
การติดตั้งกระจกภายในห้อง จะทำให้ห้องดูกว้าง มีความอลังการ แต่การจะติดตั้งกระจกภายในห้องควรคำนึงถึง องค์ประกอบในการจัดวาง คุณสามารถเลือกติดกระจกแค่บางมุมก็พอ ไม่ควรติดเยอะแยะมากจนเกินไป เพราะเงาที่สะท้อนกันไปมาอาจทำให้ห้องของคุณดูสับสนวุ่นวาย นอกจากนั้นควรเลือกตำแหน่งในการจัดวางให้ดีอย่าลืมว่ากระจกจะมีภาพสะท้อน ดังนั้นจุดที่จะติดตั้งเป็นสิ่งที่จะบ่งบอกว่าห้องของคุณจะดูสวยงามหรือรก
-
การเลือกเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เรียบหรู
การเลือกเฟอร์นิเจอร์นั้นก็เป็นสิ่งสำคัญของสไตล์ Modern Luxury เพราะคุณไม่ควรที่จะเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์จัดจ้านหรือเยอะ ควรจะเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีความเรียบหรู ดูแพง อาจเป็นวัสดุที่มีพื้นผิวเงา มันวาว ในส่วนของเก้าอี้ และ โซฟา หากเลือกใช้หนังเงา สีน้ำตาล หรือสีดำก็จะทำให้ห้องของคุณดูโดดเด่นน่าหลงใหลโดยไม่ต้องตกแต่งเยอะ
-
ติดตั้งงานศิลปะบนผนัง ชุดสีในการวาด
การติดตั้งงานศิลปะบนผนังเราจะบอกถึงรสนิยมของผู้อยู่อาศัยแล้ว ยังช่วยประหยัดพื้นที่ในการติดตั้งและเพิ่มมิติให้กับผนังในห้องของคุณไม่ให้ดูทื่อจนเกินไป ช่วยเพิ่มความทันสมัย หรูหรา อย่างเรียบง่ายแบบไม่หวือหวา อย่างไรก็ตามทำให้นำมาใช้ในการติดผนังจะกลมกลืนกับการตกแต่งภายในห้องของคุณ หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเซ้นส์ทางศิลปะในการเลือกรูปภาพที่จะนำมาติดตั้งว่าควรจะมีองค์ประกอบ ความหนักเบาของภาพประมาณไหน มีชุดสีในการวาดอย่างไร หากคำนึงถึงรายละเอียดเหล่านี้ก่อนจะนำมาติดตั้งแล้ว รับรองเลยว่าห้องของคุณจะมีความหรูหราโดดเด่นขึ้นมาโดยไม่ต้องเสียเงินแพงจนเกินไปอย่างแน่นอน
US Furnish ผู้ช่วยที่จะทำให้ห้องในฝันของคุณกลายเป็นความจริง
บริษัทของเราเข้าใจถึงความต้องการในสไตล์ที่แตกต่างกันของลูกค้าหลากหลายรูปแบบ เราจึงมีบริการรับออกแบบตกแต่งภายในคอนโด บ้าน ห้องน้ำ และอื่นๆ เพื่อให้คุณได้มีบ้านในฝัน หรือที่อยู่อาศัยเช่นเดียวกันกับในอุดมคติของคุณได้อย่างสมใจ ไม่ว่าคุณจะต้องการแบบไหน เรียบๆ สไตล์วัยรุ่น หรือไปจนถึงโอ่อ่าสีทองแบบได้รับแรงบันดาลใจมาจากวังในราชวงศ์ บริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน US Furnish ของเรา ก็สามารถจัดให้คุณได้หมด ไม่มีเกี่ยงงานอย่างแน่นอน
- Published in blog
แต่งบ้านด้วยสไตล์ Contemporary กับดีไซน์ที่ไร้ข้อจำกัดทางเวลา
Contemporary Style คือ สิ่งที่ผู้คนในช่วงเวลานั้นๆให้ความนิยม อาจเป็นการตกแต่งโดยการจับนำอดีตและปัจจุบันมาผสมผสานให้เข้ากันจนเกิดเป็นดีไซน์ที่ร่วมสมัย เป็นการนำสไตล์การตกแต่งสองรูปแบบมารวมกันในพื้นที่เดียว จนเกิดความลงตัว และ สมดุล จึงทำให้สไตล์ Contemporary มีความยืดหยุ่น ไร้กฎเกณฑ์ และพัฒนาไปตลอดเวลา ไม่ยึดติดกับช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งสไตล์นี้มีความแตกต่างจากสไตล์อื่นๆ ที่มักจะเน้นการออกแบบตกแต่งไปในลักษณะเดียว ไม่ว่าจะเป็นคลาสสิก ลอฟท์ โมเดิร์น หรือสไตล์อื่นๆ
แต่การจะแต่งบ้านด้วยสไตล์ Contemporary อาจต้องศึกษาประมาณหนึ่ง เพราะถึงแม้ว่าสไตล์นี้จะเน้นความเรียบง่ายเป็นหลัก แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอาศัยความเข้าใจเกี่ยวกับศิลปะ เนื่องจากการจะแต่งบ้านสไตล์นี้ได้นั้น ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของ วัสดุ โทนสี และแสงเงา ความกลมกลืนกันของสัดส่วนรูปทรงเฟอร์นิเจอร์ต่างๆกับที่อยู่อาศัย หากศึกษาจนเข้าใจแล้วก็จะสามารถสร้างบ้านออกมาได้อย่างลงตัว เพราะถ้าหากแต่งไปตามใจชอบโดยไม่วางแผนหรือศึกษาไว้ก่อน ก็อาจจะไม่ได้เป็นไปตามที่คิดฝันเอาไว้ก็เป็นได้
องค์ประกอบของการแต่งบ้านด้วยสไตล์ Contemporary
-
เทคนิคการเลือกสีให้เหมาะกับสไตล์ contemporary
สีส่วนมากที่ถูกนำมาใช้มักจะเป็นสีดำ ขาวและเทา หรืออีกรูปแบบหนึ่งคือสีเบจ สีน้ำตาลอ่อน หรือสีครีม จะเห็นได้ว่าโทนสีหลักๆที่ถูกนำมาใช้ในการตกแต่งสไตล์นี้ มักจะเป็นสีพื้นที่นำมาตกแต่งได้ง่ายไม่ว่าจะผสมผสานระหว่างยุคสมัยไหนเข้าด้วยกัน เลือกใช้สีที่มีความคลาสสิก ก็จะยิ่งทำให้ดูมีความล้ำสมัย แต่ก็ยังแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายความเก๋าจากอดีต ดังนั้นการออกแบบบ้านสไตล์ Contemporary จึงควรจะหลีกเลี่ยงสีสด และ ฉูดฉาด เพราะสีเหล่านั้นอาจตกยุคได้อย่างรวดเร็ว แตกต่างจากสีพื้นแนวเอิร์ธโทนที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่มีวันตกอยู่
-
เทคนิคการเลือกวัสดุตกแต่งให้เหมาะกับสไตล์ contemporary
วัสดุส่วนมากที่ถูกนำมาใช้ในการตกแต่งสไตล์ Contemporary มักจะเป็นวัสดุที่มีความโดดเด่นทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นโลหะ แก้ว หรือคอนกรีต เนื่องจากวัสดุเหล่านี้มีความคลาสสิก ทำให้สามารถมองในมุมของความล้ำสมัย หรือจะมองให้ดูเก่าเก็บแต่ยังคลาสสิกเหนือกาลเวลาก็ทำได้เช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการเลือกใช้วัสดุมาวางภายในห้องที่ถูกตกแต่งด้วยสไตล์ Contemporary ก็ควรจะเลือกดีไซน์ที่มีความเรียบหรู รูปทรงน้อยๆ อาจเป็นทรงเรขาคณิตง่ายๆ แต่เมื่อมองโดยรวมแล้วยังคงความคลาสสิกไว้ให้เห็น
-
การเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้ดูมีความ Contemporary
ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่ายและเห็นภาพชัดๆ ก็อาจจะเป็นการนำเฟอร์นิเจอร์เกือบแทบทุกสไตล์มาผสมผสานเข้าด้วยกัน หรือจะเรียกได้ว่านำมา Mix & Match อย่างมีชั้นเชิง เพราะหากนำมาจับเข้าด้วยกันแบบไม่ศึกษามาก่อนนั้น ก็อาจจะทำให้เฟอร์นิเจอร์ต่างๆนั้นดูแปลกแยกและไม่ลงตัว แต่สิ่งที่ควรจดจำหากต้องการจะแต่งด้วยสไตล์นี้ คือไม่ควรใช้โทนสีที่โดดเด่น หรือมีสีสันมากจนเกินไป จึงมักจะถูกเลือกใช้ด้วย เฟอร์นิเจอร์ที่มีโทนสีเอิร์ทโทน และออกแบบอย่างเรียบง่ายไม่เยอะจนลายตา
US Furnish รับออกแบบ ผลิต ติดตั้ง อย่างครบวงจร
US Furnish รับออกแบบตกแต่งภายใน ผลิต ติดตั้ง งานบิ้วท์อิน วอลล์เปเปอร์ และผ้าม่าน ครบวงจรในที่เดียว สามารถออกแบบได้ทุกสไตล์ที่คุณชื่นชอบ เพียงนำแบบที่ต้องการมาคุยกันก่อนเพื่อที่จะประเมินราคาในขั้นตอนต่อๆไป US Furnish เรามีโรงงานเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน และช่างของบริษัท ที่สามารถรับประกันได้ว่าไม่ทอดทิ้งงาน ด้วยประสบการณ์จากช่างฝีมือของเราที่ทำงานมาแล้วหลายสิบปี รับรองเลยว่าบ้านในฝันของคุณจะต้องเกิดขึ้นจริงอย่างแน่นอน
- Published in blog
เคล็ดลับการแต่งห้องสำหรับคนรักต้นไม้ ออกแบบอย่างไรให้กลมกลืนกับธรรมชาติภายในห้องนอนของคุณ
ในปัจจุบันที่ผู้คนต้องพบเจอกับมลภาวะที่เป็นพิษนอกบ้านอยู่เป็นประจำ หลายคนจึงพยายามหาพื้นที่เซฟโซนที่จะทำให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าตลอดทั้งวัน นั่นก็คือห้องนอนของคุณ เพราะไม่ว่าคุณจะทำงานมาเหนื่อยแค่ไหน เมื่อกลับบ้านแล้วคุณก็จะได้พักผ่อนเปรียบเสมือนได้ชาร์จแบตเติมพลังอีกครั้ง นอกจากนั้นสิ่งที่จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายมากกว่าเดิมนั่นก็คือต้นไม้ ผู้คนเริ่มหันมาปลูกต้นไม้ฟอกอากาศในห้องนอนกันมากขึ้น
อาจเป็นเพราะว่าการที่มีต้นไม้สีเขียวในห้อง นอกจากจะช่วยเพิ่มชีวิตชีวา สบายตา และเหมือนได้กลับคืนสู่ธรรมชาติอีกครั้งแล้ว ข้อดีของมันยังจะช่วยให้ผู้อยู่อาศัยสามารถลดระดับความเครียดลงได้ ไม่จำเป็นต้องหาเวลาว่างเพื่อไปเดินชมสวนในสนามข้างนอกบ้านให้เสียเวลาอีกต่อไป เพราะภายในห้องนอนของคุณถูกประดับตกแต่งไปด้วยต้นไม้ฟอกอากาศเหล่านี้นั่นเอง ไม่เพียงเท่านั้นต้นไม้จะช่วยสร้างออกซิเจนให้กับห้องนอนของคุณในตอนกลางวัน และเมื่อต้นไม้ภายในห้องของคุณได้ปล่อยออกซิเจนไว้ จะสามารถช่วยคุณนอนหลับได้ดียิ่งขึ้น เพราะต้นไม้จะช่วยลดปริมาณก๊าซที่เป็นพิษในห้องไม่ว่าจะเป็นฟอร์มาลดีไฮด์ เบนซีน หรือไตรคลอโรเอทีลีน เป็นต้น
โทนสีที่จะช่วยให้การตกแต่งต้นไม้ในห้องนอน ดูกลมกลืนอย่างเป็นธรรมชาติ
หากคุณเป็นคนที่ชอบต้นไม้แต่ไม่รู้ว่าจะแต่งห้องอย่างไรให้เข้ากันกับต้นไม้ที่คุณมีอยู่ เราขอแนะนำ กลุ่มสีเอิร์ธโทน เป็นกลุ่มสีธรรมชาติ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสีของสิ่งแวดล้อมภายในธรรมชาติ เช่น ต้นไม้ ดิน ท้องฟ้า ทะเล ภูเขา ให้ออกมาเป็นโทนสีเขียว โทนสีเทา โทนสีน้ำตาล รวมไปถึงสีอื่นๆที่เลียนแบบมาจากธรรมชาตินั่นเอง สีเอิร์ธโทนเป็นโทนสีที่จะช่วยห้องของคุณดูโล่งสบายตาเหมาะกับการตกแต่งด้วยวัสดุไม้ เพราะจะช่วยสร้างบรรยากาศในการนอนหลับให้ดีมากยิ่งขึ้น ดูอบอุ่นอย่างเป็นธรรมชาติ
ซึ่งการแต่งห้องสไตล์นี้นั้นค่อนข้างจะคลาสสิก ไม่ว่าจะผ่านไปอีกนานเท่าไหร่ห้องของคุณก็จะดูไม่เก่า เนื่องจากสีโทนนี้จะค่อนข้างเรียบและไม่หวือหวา แต่สามารถช่วยฟังอารมณ์ความรู้สึกให้ห้องนอนของคุณสดชื่นและปลอดโปร่ง ราวกับได้ไปสัมผัสกับธรรมชาติจริงๆ US Furnish จะพาทุกคนไปดูไอเดียการแต่งห้องสไตล์ เอิร์ธโทน ที่ไม่ว่าดูกี่ทีก็รับรองได้ว่าไม่เบื่ออย่างแน่นอน
1.สีโทนน้ำตาลครีม
เป็นโทนสีเบอร์ต้นๆ ที่จะช่วยให้ห้องของคุณดูอบอุ่นขึ้น ช่วยถนอมสายตาและให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สามารถตกแต่งให้เข้ากันกับ เฟอร์นิเจอร์หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์สีขาวที่ช่วยให้ห้องปลอดโปร่งดูสว่างและกว้างขึ้น หรือจะเป็นสีไม้ให้ดูกลมกลืนกับธรรมชาติ สดชื่น มีสเน่ห์ และน่าค้นหา สีนี้เป็นโทนสีกลางๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบสีอ่อนหรือเข้มจนเกินไป หากเลือกใช้โทนสีนี้รับรองเลยว่าห้องนอนของคุณจะดูอบอุ่นและกลมกลืนกับต้นไม้ภายในห้องอย่างแน่นอน
2.สีเขียวเบจหม่นๆ
เป็นสีที่จะทำให้ห้องของคุณดูคูลมากยิ่งขึ้น เป็นสีกลางๆ ที่จะทำให้สัมผัสได้ถึงบรรยากาศเย็นๆเงียบสงบ ร่มรื่น และผ่อนคลายได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งสีโทนนี้เป็นอีกหนึ่งโทนสีที่สามารถตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หลากหลายสไตล์ รับรองได้ว่าไม่ว่าคุณจะแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์แบบไหน ก็กลมกลืนกับต้นไม้ในห้องของคุณสุดๆ
หากพูดถึงสีเอิร์ธโทนที่จะกลมกลืนกับธรรมชาติ คงจะหนีไม่พ้นสีฟ้า เพราะเป็นสีที่ให้ความรู้สึกเป็นอิสระ เรียบง่าย ปลอดโปร่ง และผ่อนคลาย นอกจากนั้นสีนี้ยังสามารถแต่งห้องได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้องที่มีความลอฟท์ ตกแต่งด้วยสไตล์แบบดิบๆ ปูนเปลือย เป็นต้น สีนี้เป็นสีที่จะช่วยเพิ่มลูกเล่นให้ห้องนอนของคุณดูใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด
US Furnish ผู้ช่วยในการแต่งบ้านหลากหลายสไตล์
บริษัทของเรารับออกแบบตกแต่งภายใน พร้อมบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยม มีไอเดียสร้างสรรค์ที่ไม่เหมือนใคร ทำงานอย่างมืออาชีพด้วยประสบการณ์ที่มีมาอย่างยาวนาน สามารถติดต่อใช้บริการรับออกแบบ ตกแต่งภายในบ้านของคุณได้ตลอดเวลา ด้วยขั้นตอนการทำงานที่ง่าย หากกำลังมองหาบริษัทออกแบบภายในอย่างครบวงจร เลือกบริษัท US Furnish Consult รับรองได้ว่าคุณจะมีบ้านในฝัน หรือที่อยู่อาศัยในฝันดั่งอุดมคติได้สมใจอย่างแน่นอน
- Published in blog
สำรวจรูปแบบการแต่งบ้าน อะไรที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย ดีไซน์อย่างไรให้คงความคลาสสิกตลอดกาล
คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าการแต่งบ้าน นับว่าเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ถึงรสนิยมของผู้อยู่อาศัย อาจแสดงให้เห็นถึงความชอบ บุคลิก และลักษณะนิสัยได้จากรายละเอียดเล็กๆน้อยๆในการแต่งบ้าน แต่การแต่งบ้านนั้นจะให้ความสำคัญเพียงแค่ความสวยงามไม่ได้ ผู้อยู่อาศัยควรจะต้องคำนึงถึงฟังก์ชั่นในการใช้งานให้เหมาะสมกับรูปแบบไลฟ์สไตล์ของคุณด้วย เพราะไม่ใช่ว่าความสวยงามในแบบที่เราชอบนั้น จะเหมาะสมกับรูปแบบการดำเนินชีวิตประจำวันของเราเสมอไป
หากเลือกออกแบบตามความชอบ โดยคำนึงถึงเพียงแค่ความสวยงาม ก็อาจเกิดปัญหาในการใช้ชีวิต จนต้องมาปรับเปลี่ยนภายหลัง ซึ่งนั่นก็อาจทำให้การแต่งบ้านของคุณใช้ระยะเวลาสิ้นเปลืองในการก่อสร้าง และอาจรวมไปถึงงบประมาณที่บานปลายอีกด้วย ดังนั้นคุณควรจะศึกษาว่าเลือกตกแต่งบ้านอย่างไรให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณ
วันนี้ US Furnish จึงจะพาทุกคนไปสำรวจรูปแบบการแต่งบ้านที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนบ้านของคุณก็จะไม่ตกยุค
3 ปัจจัยสำคัญในการแต่งบ้านให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณ
1.โครงสร้าง
หัวใจสำคัญของการสร้างบ้าน นั่นก็คือโครงสร้างหลัก ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นในการจะทำให้ขั้นตอนต่อๆไปสมบูรณ์ หากโครงสร้างบ้านไม่แข็งแรงก็อาจส่งผลกับส่วนอื่นๆภายในบ้านได้ ซึ่งโครงสร้างบ้านนั้นจะแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ คือ
1.1 โครงสร้างของตัวบ้าน เช่น ผนัง พื้น และ เพดาน โดยวัสดุที่จะเลือกใช้นั้น สามารถอิงได้จากความชอบของเจ้าของบ้าน ไม่ว่าจะเป็น อิฐ ไม้ ดิน ปูน หรือเหล็ก ในส่วนนี้เจ้าของบ้านสามารถเลือกใช้วัสดุให้เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันของคุณได้เลย
1.2 โครงสร้างท่อน้ำ และ การเดินสายไฟ ในส่วนนี้จะมีความซับซ้อนที่สุดของการสร้างบ้าน ซึ่งถ้าหากจัดการส่วนนี้ไม่เรียบร้อยก็อาจส่งผลต่อการตกแต่งบ้านได้ ดังนั้นคุณควรจะสำรวจโครงสร้างในส่วนนี้ให้ดี ว่าคุณจะใช้ น้ำ และ ไฟ ในส่วนไหนของบ้านบ้าง เพื่อ วางตำแหน่ง ก่อนจะเก็บความเรียบร้อย
2.เฟอร์นิเจอร์
การเลือกเฟอร์นิเจอร์นั้นอาจจะดูเหมือนเป็นสิ่งที่ง่าย หลายคนอาจคิดว่าเลือกตามความชอบ เท่านั้นก็เพียงพอ แต่ความจริงแล้วการเลือกเฟอร์นิเจอร์ ผู้อยู่อาศัยควรจะให้ความสำคัญกับการใช้งานมากกว่าความชอบ เพราะการตัดสินใจนี้เป็นสิ่งที่จะบ่งบอกถึงพื้นที่ของบ้านและการใช้งานในระยะยาวของคุณได้เลยทีเดียว การจะเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์แต่ละครั้งคุณควรจะคำนึงถึงการใช้งานที่เหมาะสมกับรูปแบบชีวิตของคุณ อาทิเช่น ตู้เสื้อผ้า ในปัจจุบันมีตู้เสื้อผ้ามากมายหลายแบบให้คุณได้เลือกสรร และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง คุณควรจะต้องสำรวจดูก่อนว่าเสื้อผ้าของคุณ มีเสื้อยืด เสื้อเชิ้ต กางเกงขาสั้น กางเกงขายาว ฯลฯ ในปริมาณสัดส่วนเท่าไหร่ของตู้ เพื่อที่จะได้เลือกซื้อตู้ให้เหมาะสมกับเสื้อผ้าที่คุณมีอยู่ เพราะถ้าเลือกซื้อตู้มาก่อนโดยไม่สำรวจเสื้อผ้าของคุณ ก็อาจจะเกิดความไม่พอดีในการจัดวาง ซึ่งส่งผลให้ต้องต่อเติมจนเสียเวลาในภายหลัง
3.โทนสี
ในส่วนนี้เรียกได้ว่าเป็นส่วนที่ฟรีสไตล์มากที่สุด เพราะคุณสามารถเลือกสีได้ตามที่คุณชอบ หรือสามารถเลือกได้ตามความรู้สึกที่คุณต้องการจะได้รับ เช่น หากต้องการรู้สึกปลอดโปร่ง พื้นที่ดูกว้างขึ้น ก็ควรจะเลือกใช้สีฟ้า แต่ถ้าต้องการให้บ้านของคุณดูอบอุ่น สว่าง ก็ควรจะต้องเลือกใช้สีเหลือง หรือถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่เงียบขรึม สุขุม จริงจัง และมีสมาธิ ก็อาจจะตกแต่งบ้านของคุณด้วยสีน้ำเงิน เป็นต้น
US Furnish ผู้ช่วยในการสร้างบ้านของคุณอย่างครบวงจร
US Furnish รับออกแบบตกแต่งภายใน ผลิต ติดตั้ง งานบิ้วท์อิน วอลเปเปอร์ และผ้าม่าน อย่างครบวงจร เรามีฐานการผลิตที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งทีมงานมากประสบการณ์ ที่ทำงานกันมากว่าหลายสิบปี จึงมีความเป็นมืออาชีพ ซึ่งจะช่วยรับผิดชอบดูแลงานตกแต่งบ้านของคุณจนจบสมบูรณ์ครบทุกขั้นตอน เพราะเราเข้าใจถึงความสำคัญของบ้านที่เป็นที่พักผ่อนอย่างแท้จริง จึงพร้อมจะถ่ายทอดงานออกแบบให้มีความสร้างสรรค์ ทันสมัย และตามสไตล์ของผู้อยู่อาศัยให้มากที่สุด
- Published in blog
เรียบง่ายอย่างมีสไตล์ ไอเดียแต่งบ้านสุดล้ำ ไม่ต้องแต่งเยอะก็สวยได้
หากพูดถึงสไตล์การแต่งบ้านที่น้อยแต่มาก ก็คงหนีไม่พ้นสไตล์มินิมอลที่ได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน จากการที่ผู้คนได้ใช้เวลาอยู่ในบ้านมากขึ้น ทำให้ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับการตกแต่งบ้าน การจัดบ้าน ที่จะช่วยทำให้บ้านมีพื้นที่ที่โล่ง ปลอดโปร่งและดูสบายตา บ้านสไตล์มินิมอลจะต้องไม่เกะกะไปด้วยของใช้ หรือของตกแต่งที่สีฉูดฉาดจนเกินไป สีที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นสีโทน น้ำตาลๆ หรือที่เรียกกันว่าสีเบจ เป็นโทนสีที่ทำให้รู้สึก อบอุ่น สะอาด อีกทั้งยังทำให้บ้านของเรานั้นดูโล่งขึ้นอีกด้วย
ผนังห้องของบ้านสไตล์มินิมอลไม่ควรที่จะอัดแน่นไปด้วยกรอบรูป แต่ถ้าไม่อยากให้ผนังโล่งมากไป สามารถหากรอบรูปสวยๆมาแขวน โดยกรอบรูปก็ไม่ควรเป็นสีดำ หรือสีน้ำตาลแก่ แต่ให้เน้นโทนสีเรียบๆเป็นหลัก และควรเลือกใช้สีอ่อน หรือสีโมโนโทน เพราะจะให้ความรู้สึกแบบธรรมดาที่ไม่ธรรมดา นอกจากสไตล์มินิมอลจะได้รับความนิยมในการตกแต่งบ้านแล้วน้้น ยังเป็นที่นิยมไปถึงเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้อื่นๆอีกด้วย เราจึงขอพามาเปิดชาร์ตสีดูกันเลยว่าสีไหนบ้างที่เข้าข่ายโทนสีมินิมอล
โทนสีในแบบที่เรียบง่ายอย่างมีสไตล์
Natural Earth
แนะนำสีที่เป็น Nature หรือBack to Nature โดยสีที่ให้ความรู้สึกกลับสู่ความเป็นธรรมชาติ และคลาสสิคตลอดกาล ได้แก่ สีวอร์มโทน เอิร์ธโทน หรือน้ำตาลของไม้ แต่ถ้าต้องการให้ห้องดูสว่าง ก็ควรจะผสมกับสีสว่าง เช่น สีขาว ซึ่งจะทำให้เกิดการตัดของแสง และทำให้รู้สึกว่าพื้นห้องนั้นดูสว่างขึ้น แต่ถ้าหากใครชอบสีของไม้แบบคลาสสิค ที่ค่อนข้างจะธรรมชาติไปเลย ก็สามารถใช้สีที่เลียนแบบธรรมชาติโดยไม่ต้องแต่งเติมเพิ่มก็ได้เช่นกัน
Brown Sugar
สีโทนแดงอิฐอมส้ม ก็เป็นอีกหนึ่งสีที่มาแรงในช่วงหลัง เพราะสีโทนนี้จะช่วยปรับลุคบ้านของคุณให้ดูมีความอบอุ่น เนื่องจากโทนสีแดงอิฐ เป็นสีโทนร้อนที่ดูไม่ร้อนแสบตาจนเกินไป เหมาะแก่การตกแต่งบ้าน จะช่วยส่งเสริมให้ภายในบ้านดูผ่อนคลาย มีความเรียบร้อยสุขุม แต่ก็ยังคงความอบอุ่นเอาไว้ สีโทนนี้เป็นอีกหนึ่งสีที่ผู้รักธรรมชาติ ชอบความมินิมอล เรียบง่าย ต้องหลงรักอย่างแน่นอน
Sage Green
สีเขียวนี้เป็นอีกหนึ่งโทนสีมาแรงที่จะช่วยให้ห้องดูสบายตาขึ้น มีลักษณะเป็นสีเขียวอมเทา เนื่องจากมีการเบรคสี ทำให้สีเขียวที่เราเคยได้พบเห็นกันมามีความตุ่น ละมุนตาขึ้น ดูนุ่มนวล เหมาะกับคนที่ชอบบรรยากาศโรแมนติก อบอุ่นและเป็นธรรมชาติ สีเซจเป็นสีเขียวที่ดูสงบ จึงควรตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีเบจอุ่นๆ เพื่อสร้างความกลมกลืนให้กับบ้านของคุณ
Dark Black
การทาสีดำสนิทที่ฝาผนังด้านใดด้านหนึ่ง แล้วคละกับสีอื่นๆที่คุณชอบ ก็จะช่วยให้บ้านดูมีมิติที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสีเข้มสามารถช่วยทำให้เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องดูโดดเด่นขึ้นได้ ดังนั้นการทาสีห้องด้วยสีดำจึงเหมาะกับคนที่ชอบความมินิมอล เน้นตกแต่งห้องด้วยเฟอร์นิเจอร์ และ งานศิลปะ ประเภทต่างๆ
True Blue
สีฟ้า สียอดนิยมที่มีหลายเฉดให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นฟ้าน้ำทะเล ท้องฟ้า หรือฟ้าอมเขียว ก็สามารถช่วยเพิ่มลูกเล่นให้กับบ้านของคุณ สีฟ้าเป็นอีกหนึ่งสีที่ได้รับความนิยมจากผู้คนจำนวนมาก เพราะไม่ว่าจะนำไปเจือกับสีเขียว สีเหลือง หรือสีน้ำเงิน สีในโทนเย็นอื่นๆเพื่อเบรคสี ก็จะสามารถทำให้บ้านดูดีมากยิ่งขึ้น เป็นสีที่มีสเน่ห์และชวนหลงใหล เหมาะแก่การพักผ่อน สบายตาและผ่อนคลาย ลดความตึงเครียดได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้เฟอร์นิเจอร์หรือของใช้ทุกอย่างในบ้านควรเป็นของที่จำเป็นและมีประโยชน์จริงๆ เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การตกแต่งบ้านของคุณ อะไรที่ไม่จำเป็นก็ควรตัดทิ้งไปะ เพราะยิ่งมีของน้อย ก็ยิ่งใช้ชีวิตได้ง่ายและสะดวกสบายขึ้น
เมื่อจัดการของที่ไม่จำเป็นออกไปได้แล้ว จะทำให้ได้พื้นที่ว่างในบ้านที่มากขึ้นตามแบบฉบับบ้านสไตล์มินมอล ที่เน้นพื้นที่ว่างภายในบ้าน ทำให้ดูโล่ง และสบายตา เป็นที่มาที่ทำให้บ้านสไตล์นี้ ได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษในหมู่คนรุ่นใหม่ที่รักความสงบและชอบการตกแต่งบ้านที่เน้นความสะอาด ปลอดโปร่ง และมีพื้นที่ว่างเยอะๆ เน้นเฟอร์นิเจอร์ในแบบมินิมอลสไตล์ ที่ถึงแม้จะมีความเรียบ ไม่เน้นลวดลาย แต่ดีไซน์ต้องดูทันสมัย หรือมีรูปทรงที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น โคมไฟสีเรียบๆแต่เน้นการดีไซน์ที่ทันสมัย หรือเก้าอี้ที่มีรูปทรงแปลกตา ไม่เหมือนเก้าอีหรือโซฟาทั่วไป เป็นการลดทอนสิ่งของไม่จำเป็นและเพิ่มเอกลักษณ์ให้ของทุกชิ้นภายในบ้านราวกับงานศิลปะ
ข้อดีของสไตล์มินิมอลที่นิยมกันในปัจจุบัน
สไตล์มินิมอลเป็นที่นิยมในหลายๆประเทศ ความมินิมอลเป็นสไตล์การออกแบบบ้านภายในที่ดูสะอาดตา น้อยแต่มาก เน้นคุณภาพไม่เน้นปริมาณ ข้อดีคือดูแล้วสบายตา ดูไม่รกรุงรังจนเกินไป เรียกได้ว่ามองมุมไหนยังไงก็สวย ทำให้อยู่แล้วสบายใจ และข้อดีอีกอย่างคือการตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอล จะทำให้ห้องนั้นดูมีขนาดกว้างขวางขึ้น ถือเป็นการช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยสำหรับทำกิจกรรมอเนกประสงค์ไปด้วยในตัว และข้อดีข้อสุดท้ายที่นอกจากบ้านมินิมอลจะเน้นเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น ยังเน้นเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว ย้ายไปย้ายมาได้อย่างสะดวก ทำให้คุณเปลี่ยนสไตล์การตกแต่ง การจัดวางของในบ้านได้ตามที่ต้องการตลอดเวลา
- Published in blog
สำรวจเทรนด์แต่งบ้านปี 2022 แต่งอย่างไรไม่ให้หลุด Theme
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เราได้อยู่ร่วมกับสถานการณ์โควิด 19 มาอย่างยากลำบาก ทำให้ใครหลายคน ได้มีเวลาอยู่บ้านหรือทำงานอยู่บ้านมากขึ้น คนที่ทำงานอยู่ข้างนอกก็ต้องกลับมาทำงานอยู่ในบ้านบ่อยขึ้น จนเกิดแนวการแต่งบ้านแบบใหม่ๆ วันนี้เราจะมาแนะนำเทรนด์การแต่งบ้านในยุค 2022 ที่จะทำให้หลายๆคน เกิดอยากจะลุกขึ้นมาแต่งบ้านให้ทันเทรนด์ หรือคนที่ทำงานอยู่บ้านในช่วงสถานการณ์ โควิด 19 ให้ความสนใจจะเป็นอย่างไรกันบ้าง
เทรนด์แต่งบ้านที่กำลังมาแรงในปีนี้
1.การใช้สี Beige
เทรนด์สี เป็นสิ่งสำคัญที่คนในวงการออกแบบหรือดีไซน์สี มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากโดยเฉพาะกับธุรกิจ เพราะสีเป็นองค์ประกอบสำคัญในการออกแบบ สามารถสื่อสารความเป็นตัวตนของแบรนด์ สื่ออารมณ์ และ ทำให้เป็นที่จดจำหรือดึงดูดสายตาของผู้คนได้ ดังนั้นในการทำธุรกิจคุณต้องมีสีที่เป็นสีของคุณ และสามารถสื่อสารไปยังผู้บริโภคได้ว่าคุณคือใคร นอกจากนี้เรื่องของเทรนด์สีก็มีความสำคัญเพราะถ้าเราเลือกใช้สีได้ถูกในการออกแบบสินค้าต่างๆ ก็เป็นประโยชน์ ช่วยดึงดูดผู้บริโภคได้
การแต่งบ้านที่เป็นเทรนด์ในปีนี้ คงจะหนีไม่พ้นการใช้สีที่สบายตา เรียบง่าย ให้ความรู้สึก ธรรมชาติ เนื่องจากการที่ต้องอยู่บ้านเป็นเวลานาน สีที่มีโทนฉูดฉาด มักจะทำให้รู้สึกเบื่อได้อย่างรวดเร็ว หลายคนต้องการความรู้สึกผ่อนคลายเวลาอยู่บ้านเป็นเวลานาน จึงหันมาใช้สีโทน Beige กันมากขึ้น จนเกิดกลายเป็นเทรนด์ ใหม่ในปี 2022
2.การเลือกใช้เฟอนิเจอร์ที่โค้งมน
ภาพลักษณ์ที่อ่อนนุ่ม เป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมมาในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จะสังเกตุได้ว่าเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งบ้านส่วนใหญ่ มีการออกแบบบ้านภายในมาให้ไร้มุม ลดเส้นตรงที่แข็งกร้าว เพิ่มความโค้งมนเข้าไปแทน ผิว สัมผัสจากที่แข็งด้าน ก็เปลี่ยนเป็นอ่อนนุ่มแทน
3.Minimalism
เป็นเทรนด์การแต่งบ้านที่ได้รับการยกย่องทั่วโลก ผู้คนเริ่มหันมาใช้ของแต่งบ้านที่ใช้พื้นที่น้อยลง เพิ่มพื้นที่มากขึ้น ทำให้เพิ่มอากาศภายในบ้าน กุญแจสำคัญที่ทำให้การแต่งบ้านแบบ Minimalism มีความแตกต่างจากสไตล์อื่น คือการซื้ออย่างมีสติ ใช้เฉพาะเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็น เพื่อลดปริมาณขยะ และรักษาสิ่งแวดล้อมไปในตัว แม้จะใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น ก็สามารถสื่อถึงความเป็นตัวตนของคุณได้ และมีธรรมชาติอยู่เคียงข้างพร้อมคุณ
อีกทริคหนึ่งที่เริ่มเข้ามามีส่วนในการตกแต่งบ้าน ก็คือการเพิ่มพื้นที่สีเขียวรอบๆตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ในกระถาง ต้นไม้ขนาดเล็ก หรือแม้กระทั่งสิ่งที่ทำมาจากวัสดุจากธรรมชาติ เหตุผลที่เทรนด์นี้เริ่มก่อตัวขึ้น เป็นผลมาจากที่ผู้คนเริ่มกักตัวอยู่ในบ้านเป็นเวลานานนาน ทำให้คิดถึงธรรมชาติที่อยู่ภายนอก จนเกิดเป็นความคิดที่จะนำธรรมชาติเข้ามาอยู่ในบ้านแทน
อีกทั้งบางคนยังมีความคิดที่ว่าการเห็นสีที่มาจากธรรมชาติ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าสีที่มาจากสังเคราะห์ สไตล์มินิมอล ที่กําลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ คือสไตล์ การตกแต่งที่เรียบง่าย ใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น แต่มากด้วยประโยชน์ รวมไปถึงการเลือกใช้งานสิ่งต่างๆ มักจะมีโทนสีแบบโมโนโทนหรือสีอ่อนๆ รวมถึงการออกแบบที่มีเส้นสายตาที่ตรงและชาร์ป มีความสมดุลและ ความผ่อนคลาย เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นที่คัดสรรมาตกแต่งในบ้านสไตล์นี้ มักจะตอบสนองการใช้งานได้อย่างครบถ้วน โดยไม่นิยมการสะสมสิ่งของหรือข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่จําเป็น
บ้านบ่งบอกตัวตนของผู้ที่อยู่อาศัย
การตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลจึงดูเรียบง่าย น้อยชิ้น บ้านคือภาพสะท้อนของผู้อาศัย บ่งบอกถึงรสนิยมของผู้อาศัยได้เป็นอย่างดี แต่ละคนก็มีรสนิยมที่แตกต่างกันไป แต่ถ้าใครที่อยากตามเทรนด์หรืออยากเปลี่ยนบ้านให้ดูใหม่ เทรนด์ที่แนะนำไปก็เป็นตัวเลือกที่ดีเผื่อจะทำให้ทุกๆคนได้ผ่อนคลายรู้สึกถึงธรรมชาติ ความงามที่น้อยแต่มาก ในบ้านของทุกๆคนตามเทรนด์ปี 2022
- Published in blog
5 สิ่งของจำเป็นที่เหมาะกับช่วง Work From Home
ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ซึ่งทุกวันนี้เองก็ยังไม่ได้มีทีท่าว่าเชื้อไวรัสเหล่านี้จะหายไปหรือลดลง ทำให้หลายบริษัทมีมาตรการลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด 19 โดยขยายเวลา Work From Home ออกไป ซึ่งการ Work From Home นี้ บรรยากาศบ้านที่น่าเบื่อ หรือไม่เอื้อต่อการทำงานที่บ้าน แนะนำให้จัดบ้านใหม่ให้เหมาะแก่การ Work From Home ซึ่งวันนี้เราเลยมีสิ่งของจำเป็นที่เหมาะกับช่วง Work From Home มาฝาก
- โต๊ะทำงาน
ในการ Work From Home ที่จะทำให้งานของเราเดิน มีประสิทธิภาพ คือโต๊ะทำงาน ซึ่งควรเลือกโต๊ะทำงานที่ขนาดเหมาะสมกับพื้นที่และการใช้งาน เช่น งานของคุณจำเป็นต้องใช้เอกสาร ก็ควรเลือกโต๊ะที่มีลิ้นชัก เพื่อใส่เอกสาร หรือหากคุณอยู่คอนโด มีพื้นที่จำกัด ก็ควรเลือกโต๊ะที่เหมาะกับขนาด แต่แนะนำให้จัดของบนโต๊ะทำงานให้เป็นระเบียบ เหมาะกับการทำงาน
- โต๊ะพับได้
สำหรับใครที่ไม่ชอบทำงานอยู่บนโต๊ะทำงาน เพราะเบื่อบรรยากาศ หรืออยากเปลี่ยนอิริยาบถในการทำงานเพื่อไม่ให้มีปัญหาอาการปวดหลัง หรือออฟฟิศซินโดรม อยากเปลี่ยนไปนั่งทำงานบนที่นอนบ้าง บนโซฟาบ้าง แนะนำโต๊ะพับได้ที่สามารถทำให้คุณได้ทำงานทุกที่ที่คุณอยากทำ
- เก้าอี้สำหรับทำงาน
เมื่อมีโต๊ะทำงานแล้วก็ต้องมีเก้าอี้สำหรับทำงาน ซึ่งเก้าอี้ส่วนใหญ่ในบ้านของเรามักจะไม่เหมาะกับการนั่งทำงานนานๆ ดังนั้นควรเลือกเก้าอี้ที่ออกแบบมาเพื่อนั่งทำงานโดยเฉพาะ เช่น มีเบาะที่นั่งนุ่ม มีระบบกระจายน้ำหนัก สามารถเอนหลังได้ มีพนักพิงศรีษะ ซึ่งเก้าอี้แบบนี้จะช่วยลดปัญหาสุขภาพ ปัญหาออฟฟิศซินโดรมตามมา
- โคมไฟช่วยถนอมสายตา
เชื่อว่าเวลาที่เรา WFH บางครั้งอาจมีบ้างที่เราทำงานเกินเวลา มีทำงานตอนมืดค่ำบ้าง ซึ่งบางทีเราก็ทำงานจนเพลิน จ้องหน้าคอมในพื้นที่ที่แสงส่องไม่เพียงพอ ทำให้มีปัญหาเรื่องสุขภาพตาได้ เพราะฉะนั้นการมีโคมไฟตั้งโต๊ะจะช่วยถนอมสายตาเวลาทำงานตอนกลางคืนได้ โดยแนะนำให้คุณเลือกไฟที่ไม่สีเหลืองหรือสีขาวมากจนเกินไป ควรจะเป็นแสงขาวธรรมชาติ หรือหลอด LED เพราะไม่มีรังสีอินฟราเรด ที่เป็นอันตรายต่อตาของเรา
- กระถางใต้ต้นไม้ขนาดเล็ก
บางครั้งที่เราทำงานอย่างหนัก ต้องการพักเบรค หรือต้องการพักสายตาจากหน้าจอคอม การตั้งต้นไม้เล็กๆ บนโต๊ะทำงานช่วยคุณได้ ซึ่งแนะนำให้คุณหากระถางต้นไม้เล็กๆ หรือหาต้นไม้ขนาดเล็ก อย่างเช่น ต้นกระบองเพรช แคนตัส หรือต้นไม้มงคลขนาดเล็ก ขนาดกลางมาวางบนโต๊ะของคุณ ก็ยิ่งช่วยเพิ่มสีสันให้กับโต๊ะทำงานของคุณได้ อีกทั้งสีเขียวของต้นไม้ยังช่วยให้สายตาของคุณได้พักผ่อน ช่วยยืดอายุการใช้งานของดวงตาไปด้วย
และนี้คือ 5 สิ่งสำหรับทำงานที่บ้าน ทั้งนี้หากคุณต้องการปรับเปลี่ยนบรรยากาศบ้านของคุณ ให้เหมาะสำหรับ Work From Home สามารถติดต่อมาที่ USFURNISH ได้ เพราะเรามีบริการออกแบบภายใน หรือแม้กระทั่ง รับทำบิ้วอินเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน ภายในคอนโดให้คุณได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและทำให้บ้านหรือห้องของคุณมีบรรยากาศที่ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
- Published in blog
วิธีดูแลเฟอร์นิเจอร์ไม้ให้เหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลา
ปัจจุบันวัสดุในการทำเฟอร์นิเจอร์มีหลากหลายแบบ และแต่ละแบบมีจุดเด่นและวิธีการดูแลที่ต่างกัน ซึ่งหนึ่งในวัสดุที่สำหรับใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากเฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นวัสดุที่ช่วยเพิ่มความหรูหราให้กับบ้าน แถมคุณภาพของไม้ อายุการใช้งานก็ยาวนาน จึงทำให้เฟอร์นิเจอร์ไม้กลายเป็นที่นิยม แต่ทั้งนี้ข้อเสียของเฟอร์นิเจอร์คือการดูแลรักษา เพราะเชื่อว่าหลายคนยังดูแลรักษาเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบผิดๆ อยู่ เพราะฉะนั้นวันนี้เราเลยมีวิธีดูแลเฟอร์นิเจอร์ไม้ให้เหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลามาฝาก
ทั้งนี้ก่อนจะไปดูวิธีดูแลรักษาเฟอร์นิเจอร์ไม้ เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าเฟอร์นิเจอร์ไม้ส่วนใหญ่จะถูกออกแบบมาให้แข็งแรง และถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งาน ซึ่งการใช้งานของเฟอร์นิเจอร์ไม้จะมีทั้งในร่มและกลางแจ้ง ซึ่งการดูแลจะต่างกันดังนี้
วิธีดูแลเฟอร์นิเจอร์ไม้สำหรับในที่ร่ม
- จัดการเรื่องฝุ่น
อย่างแรกสำหรับการดูแลเฟอร์นิเจอร์ไม้ในร่ม เชื่อว่าทุกคนที่ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้จะต้องเจอปัญหาเรื่องฝุ่น ละอองสิ่งสกปรก โดยวิธีการดูแลให้คุณหมั่นใช้ไม้ปัดขนไก่หรือผ้าเนื้อนุ่ม เช็ดฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกบนเฟอร์นิเจอร์ เพื่อไม่ให้เกิดสิ่งสกปรกอยู่บนเฟอร์นิเจอร์ของเรา รวมถึงป้องกันการเกิดภูมิแพ้อีกด้วย
- ใช้ฟองน้ำทำความสะอาด
เฟอร์นิเจอร์ไม้มักจะไม่ถูกกับน้ำ เพราะน้ำจะทำให้เกิดเชื้อรา อับชื้น ไม้อาจเสียรูปได้ แต่เมื่อไหร่ที่เราจำเป็นต้องทำความสะอาดแนะนำให้ใช้ผ้าหรือฟองน้ำเนื้อนุ่มชุบน้ำยาทำความสะอาด ที่มีฤทธิ์อ่อนโยนเช็ดให้ทั่ว หลังจากนั้นให้ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำสะอาดเช็ดซ้ำอีกรอบ ซึ่งที่สำคัญที่สุดของการทำความสะอาดด้วยวิธีนี้คือ ให้ชุบน้ำพอหมาดๆ ห้ามชุบจนเปียบชุ่ม เพราะจะทำให้เนื้อไม้อมน้ำ และอาจทำให้ไม้เสียหาย ไม้บวม ไม้พอง เสียรูปได้
- เอาไปตากแดด
หากคุณไม่ต้องการใช้น้ำทำความสะอาด ต้องการเอาเฟอร์นิเจอร์ไม้ไปตากแดด ก็แนะนำให้ไปผึ่งแดดช่วงที่แดดอ่อน พอให้มีแดดฆ่าเชื้อ ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ไม้ได้บ้าง เพราะถ้าคุณตากแดดจัดๆ แสงแดดและความร้อนจะทำให้เฟอร์นิเจอร์ไม้กรอบเปราะบาง เสียหาย ไม้หัก หรือสีซีดได้เช่นกัน
- ฉีดยากันปลวก
ไม้ถือเป็นอาหารหลักของปลวก และปลวกเป็นปัญหาใหญ่ของคนที่มีเฟอร์นิเจอร์ไม้ ซึ่งแนะนำให้ทาหรือฉีดพ่นน้ำยาป้องกันปลวก มอด มด ให้ทั่ว เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงเหล่านี้เข้ามาทำร้ายเฟอร์นิเจอร์ของคุณ
- ทาน้ำยาขัดสี / เงา
อีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้เฟอร์นิเจอร์ไม้ดูใหม่ตลอดเวลา ถือน้ำยาขัดสี / เงา เพราะเมื่อไหร่ที่เราใช้สิ่งของเหล่านี้จะช่วยให้เฟอร์นิเจอร์ดูใหม่ ดูหรูหราน่าใช้อยู่ตลอดเวลา
วิธีดูแลเฟอร์นิเจอร์ไม้สำหรับกลางแจ้ง
- เอาเฟอร์นิเจอร์เข้าที่ร่มบ้าง
ถึงแม้เฟอร์นิเจอร์ไม้นี้จะถูกออกแบบให้อยู่กลางแจ้งได้ แต่เมื่อไหร่ที่เราสามารถเอาไปหลบในร่ม เพื่อป้องกันแสงแดด ความร้อน และฝนได้เช่นกัน ให้เฟอร์นิเจอร์อยู่กับคุณไปยาวๆ
- รอยคราบน้ำฝน
วิธีทำความสะอาดรอยคราบน้ำฝนหรือสิ่งสกปรก สามารถทำใช้ฟองน้ำแตะที่มายองเนสเล็กน้อย และขัดบริเวณที่เป็นรอบ หรือใช้น้ำยาเช็ดทำความสะอาดและขัดเงาขัดถูบริเวณที่เป็นคราบก็ได้เช่นกัน ซึ่งการทำวิธีนี้จะช่วยให้เฟอร์นิเจอร์ดูใหม่ แถมไม่มีรอยคราบอีกด้วย
- ทำความสะอาดด้วยการขัด
หากต้องการทำความสะอาดบริเวณที่มีรอยเปื้อนฝังแน่น เราก็สามารถทำได้ ถ้าเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อแข็ง สามารถใช้กระดาษทรายเบอร์ละเอียดขัดได้ แล้วทาน้ำผึ้งทับ และใช้ผ้าแห้งขัดอีกรอบ แต่ถ้าเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้ออ่อนแนะนำให้ใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำอุ่นเช็ดให้ทั่วและขัดด้วยขี้ผึ้ง
และนี้คือวิธีดูแลเฟอร์นิเจอร์ไม้ทั้งแบบในร่มและกลางแจ้ง ทั้งนี้แนะนำให้คุณซื้อผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดที่เหมาะสมเพื่อให้เฟอร์นิเจอร์ไม้ดูใหม่ แข็งแรง ท้ายที่สุดถ้าคุณต้องการหาช่างออกแบบเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินไม้ ก็สามารถติดต่อเข้ามาที่ USFURNISH ของเราได้เลย เพราะเราเป็นโรงงานเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินมากประสบการณ์ มาพร้อมช่างเชี่ยวชาญ ราคาคุ้มค่า สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
- Published in blog