เทคนิคออกแบบตกแต่งภายในคอนโดให้ดูอบอุ่นและน่าอยู่
ไม่ว่าใครก็ฝันอยากที่จะอยู่ในที่พักอาศัยที่อบอุ่น น่าอยู่ ดูรวม ๆ แล้วเหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจในวันที่เหนื่อยล้า ไม่ว่าจะเป็นวันที่เหนื่อยจากการเรียน การทำงาน หรือการทำกิจกรรมอื่น ๆ ในชีวิต แต่การอาศัยอยู่ในคอนโดมีเนียมซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยซึ่งมีขนาดเล็กและมีพื้นที่จำกัด แค่การจัดสรรพื้นที่เพื่อทำเป็นโซนสำหรับการทำกิจกรรมต่าง ๆ ก็ยากแล้ว และหลักการของบ้านที่ดู cozy หรืออบอุ่นสบายตาส่วนใหญ่มักเน้นไปที่ความโปร่งโล่งสบายตา แต่พื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดของคอนโดรวมถึงโครงสร้างของอาคารที่ทำให้มีความสูงจากพื้นห้องถึงไม่มากนัก ก็อาจทำให้มองดูแล้วอึดอัดเอาได้ง่าย ๆ ดังนั้นทางเดียวที่จะช่วยกำจัดปัญหาเหล่านี้และช่วยปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของคอนโดให้ดูอบอุ่นน่าอยู่ไม่ต่างจากการอยู่บ้านหลังเล็ก ๆ หนึ่งหลัง คือ การออกแบบตกแต่งภายในนั่นเอง วันนี้ US Furnish ในฐานะผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์รับออกแบบตกแต่งคอนโดมามากมาย จึงอยากจะขอแนะนำเทคนิคที่ใช้ได้จริงเพื่อตกแต่งให้คอนโดที่คุณอยู่อาศัยดูอบอุ่นและน่าอยู่มากยิ่งขึ้น
5 เทคนิคที่บริษัทรับออกแบบตกแต่งคอนโดเลือกใช้เพื่อทำให้คอนโดดูอบอุ่นขึ้นทันตา
- จัดสรรพื้นที่อย่างเป็นระเบียบ
อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นว่าสิ่งที่จะทำให้บ้านดูอบอุ่นและน่าอยู่คือการมีพื้นที่กว้างขวาง มีพื้นที่โล่ง ทำให้ดูแล้วมีความโปร่งและสบายตา เทคนิคนี้สามารถนำมาปรับใช้กับการออกแบบตกแต่งภายในคอนโดได้เช่นเดียวกัน นั่นคือการจัดสรรพื้นที่ในคอนโดอย่างลงตัว แยกแยะให้ออกว่าพื้นที่ส่วนไหนมีไว้ใช้สำหรับทำกิจกรรมอะไร และที่สำคัญ คือ ความเป็นระเบียบของสิ่งของภายในคอนโด สำหรับใครที่มีของเยอะ ๆ ในคอนโดก็ต้องปกปิดความรกนั้นไว้ให้มิดชิด ต้องหมั่นจัดเก็บสิ่งของให้เข้าที่อยู่เสมอ รวมถึงมีกล่องเก็บของหรือตู้เก็บของที่สามารถจุของได้เยอะ ๆ เพียงเท่านี้ก็จะได้พื้นที่ว่างในคอนโดเพิ่มมากขึ้น และทำให้ห้องของคุณดูอบอุ่นและน่าอยู่เพิ่มขึ้นตามมา
- เลือกใช้สีโทนอุ่น
การเลือกใช้สีโทนสว่างหรือสีโทนอุ่นจำเป็นมาก หากคุณอยากที่จะตกแต่งคอนโดของคุณให้ออกมาดูอบอุ่นและสบายตา สาเหตุหลัก ๆ เลยก็คือ สีสว่างหรือสีโทนอุ่นนั้นเมื่ออยู่บนวัตถุใดก็จะช่วยหลอกตาได้ว่าวัตถุนั้นขยายใหญ่ขึ้น จึงเป็นโทนสีที่แนะนำสำหรับการตกแต่งคอนโดเพื่อให้ห้องดูกว้างขึ้น สบายตามากขึ้น และเมื่อห้องคอนโดเป็นสีสว่างแล้ว การเลือกสีของเฟอร์นิเจอร์หรือบิ้วอินต่าง ๆ ภายในห้องคอนโด ก็ควรที่จะล้อไปกับสีของผนังเพื่อความสบายตา ดูแล้วไม่เป็นการตกแต่งที่ฉูดฉาดหรือจัดจ้านเกินไป
- เลือกความสบายมากกว่าความทันสมัย
เรื่องของกระแสความนิยมได้รับอิทธิพลในด้านต่าง ๆ รวมถึงการตกแต่งบ้านและคอนโดด้วย หากคุณมีปณิธานที่จะตกแต่งบ้านในสไตล์ที่อบอุ่นและดูน่าอยู่อาศัยในระยะยาว ขอแนะนำให้เลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์จากความสะดวกสบายมากกว่าที่จะเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ตามกระแสนิยม หรืออันที่ดูโดดเด้งสะดุดตา ให้จำไว้ว่าเพราะความสบายนั้นคงอยู่ตลอดไปแต่ความทันสมัยนั้นเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
- แสงสว่างถือเป็นปัจจัยที่จำเป็นที่สุด
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาในการตกแต่งบ้าน คือ แสงสว่าง โดยเฉพาะบ้านที่ต้องการตกแต่งให้ดูอบอุ่นด้วยแล้ว ปัจจัยอย่างแสงสว่างที่เพียงพอถือว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่ง กฎข้อแรกของการตกแต่งคอนโดซึ่งมีช่องรับแสงแบบจำกัด คือ ห้ามตั้งสิ่งของกีดขวางช่องแสงที่มีอยู่อย่างจำกัดนั้นเพื่อให้แสงสว่างเข้ามาในบ้านได้อย่างเต็มที่ สำหรับใครที่รู้สึกว่าอาจจะร้อนเกินไปสามารถติดตั้งม่านโปรงแสงเพื่อกั้นแสงแดดที่มากเกินไปได้ นอกจากนี้การตกแต่งคอนโดด้วยไฟจากหลาย ๆ แหล่ง ไม่ว่าจะเป็นไฟเพดาน โคมไฟระย้า โคมไฟตั้งพื้น หรือโคมไฟตั้งโต๊ะ จะช่วยทำให้บ้านดูเป็นสัดเป็นส่วนขึ้นมากขึ้นและดูอบอุ่นขึ้นด้วย
- เพิ่มความสบายตาด้วยพื้นที่สีเขียว
ถึงแม้ว่าจะเป็นคอนโดก็อย่าได้มองข้ามความสำคัญของพื้นที่สีเขียว เพราะนอกจากจะช่วยฟอกอากาศในห้องคอนโดของเราให้บริสุทธิ์ขึ้นแล้ว ต้นไม้สีเขียวเหล่านี้ยังให้ความสบายตา และช่วยให้ห้องเล็ก ๆ อย่างคอนโดดูอบอุ่นและน่าอยู่ขึ้นได้ แต่สำหรับใครที่รู้สึกว่างานดูแลต้นไม้เป็นงานยากไม่เหมาะกับตนเอง อาจใช้ต้นไม้ปลอม ดอกไม้ปลอม หรือใบไม้ปลอมเข้ามาช่วยตกแต่งแทนได้
US Furnish บริษัทรับออกแบบตกแต่งคอนโดที่ใช่พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ
หากคุณกำลังมองหาบริการรับออกแบบตกแต่งภายในคอนโดโดยผู้เชี่ยวชาญต้องมาที่ US Furnish เพราะที่นี่เรามีบริการรับออกแบบตกแต่งภายในบ้านและคอนโดอย่างครบวงจร ทั้งรับออกแบบตกแต่งภายใน ผลิต ติดตั้ง งานบิ้วท์อิน วอลเปเปอร์ และผ้าม่าน ครบวงจรในที่เดียว รับประกันงานตกแต่งด้วยช่างฝีมือคุณภาพที่มีประสบการณ์อย่างมากมายและยาวนาน รับประกันไม่ทอดทิ้งงาน เราเตรียมพร้อมเสมอสำหรับการรับออกแบบตกแต่งคอนโดให้ออกมาตรงใจและตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของคุณ
- Published in blog
การออกแบบภายในสไตล์ Modern ที่ผสานด้วยการตกแต่งแนว Tropical
การตกแต่งแนวผสมผสานเป็นการตกแต่งที่ช่วยเพิ่มความสนุกสนานให้กับการแต่งบ้าน เพราะการเลือกใช้การตกแต่งที่แตกต่างกับโครงสร้างของงานออกแบบภายใน ทำให้เกิดความแตกต่างที่ลงตัวของการออกแบบภายใน นอกจากนี้การนำการตกแต่งสไตล์แบบ Tropical ยังเป็นการดีไซน์ออกแบบภายในที่เหมาะกับประเทศที่มีภูมิอากาศแบบร้อนชื้นอย่างประเทศไทยของเราอีกด้วย มาดูกันว่าการตกแต่งออกแบบภายในทั้ง 2 แบบนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร และจะผสมผสานกันอย่างไรเพื่อให้ได้ความเข้ากันที่ลงตัว
สไตล์ Modern และ Tropical แตกต่างกันอย่างไร?
การออกแบบภายในสไตล์ Modern: เป็นการออกแบบที่เน้นความทันสมัย แต่มีความเรียบง่าย องค์ประกอบที่สำคัญของการออกแบบภายในสไตล์ Modern คือ การใช้เส้นที่ตรงไปตรงมา ใช้สีโทนธรรมชาติ รวมถึงการดีไซน์พื้นที่ในการอยู่อาศัยแบบไร้ขอบเขตทำให้สามารถใช้งานพื้นที่ภายในบ้านได้อย่างยืดหยุ่น และเน้นการตกแต่งที่ให้ความสำคัญกับความเป็นธรรมชาติของวัสดุไม่ว่าจะเป็น ปูน เหล็ก หรือกระจก เป็นต้น โดยการตกแต่งออกแบบภายในสไตล์ Modern นั้น ยังสามารถแบ่งได้เป็น Modern Luxury ที่เน้นความหรูหรา, Modern Classic ที่นำการตกแต่งของยุคเก่ามาปรับให้ทันสมัยมากขึ้น, และแบบ Modern Contemporary ที่ผสมผสานงานที่เน้นความทันสมัยและร่มสมัยเข้าด้วยกัน
การออกแบบภายในสไตล์ Tropical: การตกแต่งสไตล์ Tropical คือการตกแต่งบ้านที่ได้รับอิทธิพลมาจากงานตกแต่งออกแบบภายในของบ้านในเขตร้อนหรือเขตร้อนชื้น เป็นการแต่งบ้านที่เน้นความโปร่งโล่งลมพัดผ่านได้สะดวก เน้นแสงธรรมชาติ ทำให้ตัวบ้านเน้นการใช้กระจกเพื่อสร้างความมปลอดโปร่งและเป็นช่องทางให้แสงสว่างส่องเข้ามาในตัวบ้านได้สะดวก และองค์ประกอบธรรมชาติอื่น ๆ อย่างต้นไม้จริง ที่ให้ความเขียวชอุ่มกับตัวบ้านราวกับอยู่ในป่าเขตร้อน สีที่ใช้จะเป็นสีโทนธรรมชาติและสีที่สื่อถึงธรรมชาติ เช่น สีเขียวเข้ม ที่สื่อถึงต้นไม้ใบไม้ และสีฟ้าหรือสีน้ำเงิน ที่ให้ความรู้สึกถึงน้ำและท้องทะเล
การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างสไตล์ Modern และ Tropical
อย่างที่ได้กล่าวถึงไปข้างต้นถึงความแตกต่างของงานออกแบบภายในสไตล์ Modern และ Tropical ดังนั้นเพื่อการแต่งบ้านที่ลงแนะนำว่าให้หาจุดที่เหมือนกันนี้มาดัดแปลงเป็นโครงสร้างและภาพรวมของตัวบ้าน ในขณะเดียวกันก็นำเอาจุดเด่นที่แตกต่างกันนั้น มาสร้างเป็นจุดเด่นให้กับบ้านแบบ Modern Tropical ของคุณ
1.การตกแต่งพื้นที่รอบบ้าน
สำหรับการดีไซน์ออกแบบภายนอกตัวบ้านแบบ Modern Tropical นี้ บอกเลยว่าไม่มีความซับซ้อนใด ๆ โดยสามารถตกแต่งล้อไปกับการแต่งบ้านสไตล์ Tropical ทั่วไปได้เลย นั้นคือการตกแตต่งโดยเน้นการตกแต่งด้วยน้ำและต้นไม้ในเขตร้อนชื้นเป็นหลัก เพื่อให้มองเข้ามาในบ้านแล้วรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ราวกับอยุ่ในป่าของเขตร้อนชื้นที่มีต้นไม้เขียวชอุ่มและลำธารเคียงคู่กัน นอกจากนี้การดีไซน์ออกแบบตัวอาคารบ้านให้เน้นความ Modern คือใช้เส้นตรงที่ไม่ซับซ้อน แต่ใช้สีแบบเอิร์ธโทนเพื่อให้ล้อไปกับการตกแต่งที่มีความธรรมชาติสูง
2. การตกแต่งห้องนั่งเล่น
การตกแต่งห้องนั่งเล่นสำหรับงานออกแบบภายในแบบนี้ ให้เน้นเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นเข้าไว้ และวัสดุของเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ให้เน่นงานที่เป็นวัสดุแบบธรรมชาติ อย่างแหล็ก ไม้ หรือปูน และออกแบบให้มีกระจกบานใหญ่ที่สามารถมองออกไปชื่นชมธรรมชาติภายนอกที่เราได้ทำการตกแต่งเอาไว้ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นการเน้นเฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติและตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น ก็เพื่อให้มองไปแล้วสามารถต่อเข้ากันเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ธรรมชาติภายนอกได้
3. การตกแต่งห้องนอน
สลับมาที่การตกแต่งห้องนอนให้ลองใช้เฟอร์นิเจอร์แบบทันสมัยทั่วไปแต่ยังคงใช้สีที่อยู่ในโทนธรรมชาติ รวมถึงวางเลย์เอาท์ให้ดูมินิมอลไม่รกหูรกตาจนเกินไป และใช้ของตกแต่งชิ้นเล็ก ๆ อย่างพรมป่าน เทียน ต้นไม้ และตะกร้าหวายเก็บของเป็นพร็อพเสริมให้ห้องดูเป็นการตกแต่งแบบ Tropical มากขึ้น
4. การตกแต่งห้องน้ำ
โซนห้องน้ำถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของงานออกแบบภายในสไตล์ Modern Tropical เพราะสามารถที่จะใส่ดีเทลและลูกเล่นได้เยอะมากเพราะห้องน้ำคือห้องที่ตรงคอนเซ็ปท์ของ Tropical ที่สุดเพราะเป็นห้องที่มีความชื้น การออกแบบอาจเป็นการจำลองเอาห้องน้ำแบบ outdoor เข้ามาไว้ภายในบ้านโดยการใช้สุขภัณฑ์ต่าง ๆ แบบโมเดิร์นทั่วไป แล้วทำการเพิ่มต้นไม้เข้ามาในบริเวณห้องน้ำและต้องมีปริมาณที่เยอะมากพอ จนรู้สึกราวกับว่าได้อาบน้ำอยู่ในป่าเขียวชอุ่ม นอกจากนี้ลองดีไซน์พื้นผิวและผนังส่วนอื่น ๆ ด้วยปูนเปลือยหรือไม้เพื่อความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น
5. การตกแต่งห้องครัว
หากเปรียบเทียบกับห้องอื่น ๆ ภายในบ้าน ห้องครัวถือป็นห้องที่น่าจะดีไซน์ออกมามีความโมเดิร์นมากที่สุด เนื่องจากเป็นห้องที่ต้องมีอุปกรณ์ครบครันในการทำครัวทำให้มีเหล่าเครื่องมือที่ทันสมัย และต้องเก็บของใช้สำหรับการทำอาหารและรับประทานอาหารมากมาย แต่สามารถทำการเพิ่มดีไซน์แบบ Tropical โดยการสร้างหน้าต่างบานใหญ่เพื่อรับแสงและตกแต่งด้วยวัสดุที่เน้นความเป็นธรรมชาติ
6. การตกแต่ง Terrace
สำหรับบ้านที่มีงบประมาณเพิ่มขึ้นมาอีกนิด อยากให้ลองออกแบบภายในโซน Terrace เพิ่มเติม หรือระเบียงที่ยื่นออกมาจากตัวบ้านสำหรับการรับลมชมวิว หากได้ลองตกแต่งบ้านให้มีความเขียวขจีใกล้เคียงกับผืนป่า ก็อยากให้คุณได้มีพื้นที่ส่วนตัวสำหรับชื่นชมกับภาพบรรยากาศเหล่านั้น
หากคุณกำลังสนใจไอเดียในการตกแต่งออกแบบภายในแบบ Modern Tropical แบบนี้ ก้ขอให้นำไปลองปรับใช้กันดู หรือถ้าหากยังไม่ถูกใจสามารถหาอ่านบทความเกี่ยวกับงานตกแต่งออกแบบภายในแบบอื่นได้ที่ www.usfurnish.com ของเราได้เลย
- Published in blog
‘Scandinavian’ สไตล์ตกแต่งคอนโดสุดฮิต | US Furnish บริษัทรับออกแบบตกแต่งคอนโดชั้นนำ
หากพูดถึงการตกแต่งภายในที่ยังคงได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานและต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน คงไม่อาจหนีพ้นการตกแต่งสไตล์ Scandinavian หรือสไตล์มินิมอลขาวคลีนที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีการนำเอาการตกแต่งภายในแบบ Scandinavian นี้ ไปปรับจนได้เป็นสไตล์การตกแต่งภายในรูปแบบบใหม่ ๆ อีกมากมาย มาดูกันว่าจะออกแบบตกแต่งบ้าน หรือออกแบบตกแต่งคอนโดอย่างไรให้ออกมาเป็นสไตล์ Scandinavian ที่ช่วยให้บ้านของคุณเป็นบ้านที่น่าอยู่อาศัยตลอดไป
‘Scandinavian’ คืออะไร?
ก่อนจะไปดูการออกแบบตกแต่งภายในบ้านและคอนโดแบบสแกนดิเนเวียน มาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่าว่าจริง ๆ แล้วคำว่า ‘Scandinavian’ นั้นมีที่มาจากอะไร
จริง ๆ แล้วคำว่า Scandinavia นั้น คือ ภูมิภาคที่ประกอบไปด้วย 3 ประเทศทางตอนเหนือของยุโรป ซึ่งได้แก่ เดนมาร์ก นอร์เวย์ และสวีเดน ส่วน Scandinavian เป็นชื่อที่ใช้เรียกผู้คน หรือวัฒนธรรมที่อยู่ในแถบนี้นั่นเอง
ออกแบบตกแต่งภายในคอนโดในสไตล์ Scandinavian ด้วย 8 หลักสำคัญ
ที่ US Furnish เราให้บริการรับออกแบบตกแต่งภายในคอนโดมาอย่างยาวนาน บอกได้เลยว่าการตกแต่งสไตล์ Scandinavian นี้เป็นอีกหนึ่งการตกแต่งภายในที่ได้รับความนิยม นั่นก็เป็นเพราะคอนโดนั้นมีพื้นที่ใช้สอยน้อยกว่าบ้านหลังใหญ่ ๆ การตกแต่งควรทำแต่พอดีและให้ความจำเป็นไปที่ฟังก์ชั้นการใช้งาน และพื้นที่ว่างเพื่อความสบายตาเสียมากกว่า ซึ่งหลักการนี้เองก็สอดคล้องกับการออกแบบตกแต่งภายในสไตล์ Scandinavian แบบพอดิบพอดี นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหลักอื่น ๆ ที่ทำให้การตกแต่งแบบ Scandinavian นั้นออกมาสมบูรณ์แบบอีกด้วย มาดูว่าปัจจัยเหล่านั้นจะมีอะไรบ้าง
1. ตกแต่งด้วยพื้นไม้
การใช้พื้นไม้ในการตกแต่งภายในจะช่วยให้พื้นที่ดูสว่างและเปิดโล่งมากขึ้น และเราจะไม่เห็นการตกแต่งที่บุด้วยพรมตั้งแต่พื้นจนถึงเพดานในการตกแต่งแบบ Scandinavian เหมือนบ้านของฝรั่งแบบทั่วไปอีกด้วย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับพื้นที่ต้องการพื้นที่ว่างเปล่าตามธรรมชาติอย่างคอนโด ซึ่งจะช่วยสร้างความรู้สึกเปิดกว้างและโปร่งสบายให้ผู้อยู่อาศัย สำหรับเทรนด์การออกแบบนี้จะนิยมใช้สีอย่าง beech, ash และ pine เป็นหลัก
2. ใช้สีโทนอ่อนและสีที่เป็นโทนกลาง
เนื่องจากในช่วงฤดูหนาวในแถบสแกนดิเนเวียนั้นกินเวลาค่อนข้างยาวนาน นอกจากนี้บรรยากาศภายนอกก็ดูมืดและขมุกขมัว กรใช้สีโทนอ่อนจะช่วยให้ห้องดูสว่างและน่าอยู่มากยิ่งขึ้น หรือจะใช้เป็นสีโทนกลางที่ไม่ให้ความรู้สึกเย็นหรือร้อนเกินไปอย่างสีม่วงหรือสีเหลืองก็ได้ หากให้แนะนำอยากให้ลองใช้สีโทนชมพูอ่อน ม่วงอ่อน น้ำตาลอ่อน หรือสีเทาอ่อน ควบคู่ไปกับสีขาว สีเหล่านี้จะช่วยเพิ่มมิติให้กับห้องคอนโดและช่วยเพิ่มความอบอุ่นที่ไม่ให้ห้องรู้สึกกว้างเกินไปเหมือนที่ใช้แค่สีขาวเพียงอย่างเดียว
3. ใช้การผสมผสานกันระหว่างไม้กับเหล็ก
เราได้พูดถึงความสำคัญของการใช้ไม้ในการตกแต่งแบบ Scandinavian ไปแล้ว และในขณะเดียวกันคุณสามารถตกแต่งเพิ่มเติมได้ โดยการเพิ่มของตกแต่งหรือเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นเหล็กแบบเรียบง่ายแต่ก็ยังดูน่าหลงใหลในเวลาเดียวกัน
4. ใช้เส้นที่ดูทันสมัย และสบายตา
การออกแบบตกแต่งภายในแบบ Scandinavian เป็นที่นิยมอย่างมากตั้งแต่ในช่วงกลางศตวรรษ การใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นแบบเส้นสบายตา ขอบมน และขาเรียวเล็ก เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในการตกแต่งบ้าสไตล์ชาวสแกนดิเนเวียน การตกแต่งแบบนี้จะให้ความรู้สึกถึงพื้นที่โล่งมากขึ้น และดูน่าดึงดูดด้วยเหมาะสำหรับการตกแต่งภายในคอนโดเป็นอย่างมาก หากมีการใช้บริการบริษัทรับออกแบบตกแต่งคอนโดที่มีการรับทำบิ้วอิน ก็อาจจะดีไซน์เฟอร์นิเจอร์ให้เป็นไปตามที่ต้องการได้อีกด้วย
5. ตกแต่งแบบน้อยแต่มาก
เป็นเพราะบ้านของชาวสแกนดิเนเวียนนั้นค่อนข้างมีขนาดเล็กจึงต้องตัดการตกแต่งที่ไม่จำเป็นออกไป นอกจากนี้ยังต้องประหยัดพื้นที่ด้วยการนำเอาตะกร้าหรืออุปกรณ์ที่สามารถจัดเก็บของได้มาเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่ง และที่สำคัญความรก ความเยอะเป็นสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับการตกแต่งภายในแบบ Scandinavian เพราะฉะนั้นต้องจัดข้าวของในคอนโดให้เป็นระเบียบอยู่เสมอ
6. เพิ่มแสงธรรมชาติเยอะ ๆ
การตกแต่งภายในสไตล์ Scandinavian เน้นการรับแสงเข้ามาในห้องให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ดังนั้นจึงเน้นการตกแต่งที่ไม่เน้นการการปิดหน้าต่างจนทึบ สิ่งที่นิยมจะเป็นผ้าม่านแบบโปร่งแสงแทน แต่สำหรับประเทศเราที่มีแดดจัด ก็แนะนำว่าให้ติดเป็นผ้าม่านสองชั้น และอีกชั้นนึงแนะนำเป็นผ้าม่านกันแสงที่ใช้โทนสีอ่อนจะดูเข้ากันกับภาพรวมของคอนโดได้ดี
7. เพิ่มต้นไม้และพื้นที่สีเขียว
ชาวสแกนดิเนเวียนนั้นมีความรักในธรรมชาติและชอบที่จะใช้ชีวิตนอกบ้าน ดังนั้นสิ่งเหล่านี้จึงสะท้อนออกมาในการออกแบบและตกแต่งภายในสไตล์นี้ นอกจากนี้แล้วการเพิ่มเหล่าต้นไม้เข้ามาในการตกแต่งคอนโดยังเป็นการเพิ่มสีสันอีกสีหนึ่งอีกด้วย หากคุณไม่สันทัดในการเลือกต้นไม่ที่ปลุกในห้องได้อาจขอคำปรึกษากับผูรับเหมาที่รับออกแบบตกแต่งคอนโดได้เลย
8. ตกแต่งด้วยผ้าทอเพื่อเพิ่มความอบอุ่นเป็นกันเอง
เนื่องจากในแถบสแกนดิเนเวียต้องพบเจอกับความหนาวเย็นเป็นเวลายาวนานและรุนแรง จึงไม่แปลกใจเลยถ้าเราจะเห็นการตกแต่งด้วยหนังแกะ หรือผ้าขนสัตว์ ในการตกแต่งสไตล์นี้เป็นประจำ แต่สำหรับภูมิประเทศที่ร้อนอบอ้าวอย่างประเทศเรา อาจลองเปลี่ยนมาใช้เป็นพวกผ้าฝ้าย ผ้ากระสอบ ปอกระเจา เพื่อความอบอุ่นสบายตาและยังใช้งานได้จริง
เพียงแค่ใช้ 8 ข้อง่าย ๆ นี้การแต่งห้องคอนโดของคุณ ก็จะออกมาดูอบอุ่น เป็นกันเอง ตามแบบฉบับชาวสแกนดิเนเวียนได้แน่นอน!
- Published in blog
ตกแต่ง condo อย่างไรถ้าคุณเลี้ยงสัตว์ในห้อง
เพราะความเหงาไม่เข้าใครออกใคร จึงต้องใช้สัตว์เลี้ยงคู่ใจเป็นทางออก! จากแนวโน้มในหลายปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ามีประชากรที่อาศัยอยู่คนเดียวเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงคู่ใจไม่ว่าจะเป็นน้องหมา หรือน้องแมวไว้เป็นสัตว์เลี้ยงแก้เหงาจึงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปัจจุบัน จากแนวโน้มของการเลี้ยงสัตว์ที่มากขึ้นนี้ ก็ทำให้คอนโดใหม่ ๆ หลายที่ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นรูปแบบ Pet-friendly หรือการปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมในคอนโดให้เหมาะกับการเลี้ยงสัตว์มากขึ้น ทำให้ผู้ที่อยากเลี้ยงสัตว์มีตัวเลือกสำหรับการอยู่อาศัยที่เพิ่มมากขึ้น
ส่วนผู้อยู่อาศัยในคอนโดเองก็เริ่มหันมามองหาไอเดียการตกแต่งภายในแบบที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้นด้วย ดังนั้นวันนี้ US Furnish บริษัทผู้รับออกแบบตกแต่งภายในบ้าน ตกแต่ง condo งานบิ้วอินท์บ้าน และรับบิ้วอินคอนโด จะขอนำเสนอการวิธีการตกแต่ง condo สำหรับชาวคอนโดที่ต้องการสร้างพื้นที่ในการอยู่ร่วมกันกับสัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณ
ข้อแนะนำในการตกแต่ง condo ให้เหมาะกับการเลี้ยงสัตว์
สิ่งหลัก ๆ ที่เราอยากจะแนะนำในการตกแต่ง condo สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ ก็คือควรคำนึงถึงความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยงเป็นหลัก รวมถึงอุปนิสัยการใช้ชีวิตของสัตว์เลี้ยงแต่ละชนิดที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นน้องหมา น้องแมว น้องนก หรือสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ เพราะการตกแต่งสถานที่สำหรับสัตว์เลี้ยงให้เหมาะสมจะทำให้ทั้งสัตว์เลี้ยง เจ้าของบ้านอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข คำแนะนำที่ว่าจะมีอะไรกันบ้าง มาดูกันเลย
จัดแบ่งพื้นที่สำหรับคุณและสัตว์เลี้ยง
เพราะคอนโดเป็นที่อยู่ที่มีพื้นที่สำหรับการอยู่อาศัยน้อย การจัดแบ่งพื้นที่ให้เป็นสัดเป็นส่วนจึงเป็นเรื่องสำคัญ เช่นการแบ่งพื้นที่ห้องนั่งเล่นให้กับเราส่วนหนึ่งและสัตว์เลี้ยงส่วนหนึ่ง เพราะห้องนั่งเล่นถือเป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนสำหรับคน และเหล่าสัตว์เลี้ยงก็อยากมีพื้นที่สำหรับพักผ่อนที่เป็นส่วนตัวบ้างเช่นเดียวกัน แต่การจัดสรรพื้นที่ก็จะขึ้นอยู่กับสัตว์เลี้ยงแต่ละชนิดด้วยเหมือนกัน
ยกตัวอย่างเช่น สำหรับคนเลี้ยงแมว แนะนำการติดตั้งคอนโดแมวที่มีพื้นที่สำหรับปีนป่าย ลับเล็บ มีกล่องสำหรับมุด โหลแก้วหรือเปลสำหรับนอนพักผ่อนให้กับเจ้าเหมียว โดยอาจจะติดตั้งเป็นแบบบิ้วอินติดผนังเพื่อการประหยัดพื้นที่ภายในคอนโด แต่สำหรับผู้เลี้ยงสุนัข ความสนุกของเจ้าหมาตัวน้อย คือ การที่ได้วิ่งเล่นในแนวราบ เพราะฉะนั้นจึงควรจัดสรรพื้นที่ในห้องนั่งเล่นให้ให้ว่างพอสมควร ที่เจ้าตูบจะได้มีพื้นที่สำหรับการวิ่งเล่นตลอดทั้งวัน
การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะสม
การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์สำหรับตกแต่ง condo ที่มีการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมีหลายปัจจัยที่ต้องคำถึงถึง ข้อแรกคือความทนทาน ต้องทนต่อการกระแทกและรอยขีดข่วนของเจ้าสัตว์เลี้ยงตัวแสบได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัย อย่างการใช้วัสดุที่พื้นผิวไม่ลื่น เพื่อช่วยซัพพอร์ตข้อต่อของสัตว์เลี้ยง รวมถึงไม่ควรใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีเหลี่ยมและคมมากเกินไปเพราะอาจไม่ปลอดภัย ตอนที่เจ้าพวกสัตว์เลี้ยงเล่นสนุกจนไม่ได้ระวังตัว นอกจากนี้ยังต้องเลือกใช้วัสดุที่ง่ายต่อการทำความสะอาดและไม่เก็บกลิ่นอีกด้วย
ตกแต่งห้อง condo ให้ระบายอากาศได้ดี
แน่นอนว่าการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงอาจมาพร้อมกับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ แต่สิ่งที่อันตรายกว่าคือเชื้อโรคและแบคทีเรียที่อาจมากับสัตว์เลี้ยงซึงอาจส่งผลต่อสุขภาพของทั้งสัตว์เลี้ยงและเจ้าของเองได้ การจัดสรรบ้านให้มีการระบายอากาศที่ดี นอกจากช่วยระบายกลิ่นไม่พึงประสงค์แล้ว ยังช่วยระบายความเสี่ยงในการเกิดโรคที่เกิดมาจากเชื้อรา ความอับชื้น หรือแบคทีเรียที่มากับสัตว์เลี้ยงอีกด้วย และในชีวิตประจำวันควรหมั่นเปิดหน้าต่างเพื่อการระบายอากาศที่ดียิ่งขึ้น รวมถึงทำความสะอาดให้กับสัตว์เลี้ยงของคุณเป็นประจำก็เป็นอีกทางที่จะช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในห้องได้เช่นเดียวกัน
เช็คลิสต์ก่อนคิดจะเลี้ยงสัตว์ในคอนโด
ข้อแรกต้องมั่นใจว่าคอนโดนั้นอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้จริงๆ และปฏิบัติตามกฎระเบียบเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์ในคอนโดอย่างเคร่งครัด แต่ถ้าหากคอนโดมีกฎห้ามเลี้ยงสัตว์ ขอแนะนำว่าไม่ควรฝ่าฝืนเพราะอาจเกิดเป็นความขัดแย้งของคุณและคนในคอนโดได้
อีกข้อที่ต้องมี คือ ความพร้อมก่อนการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง เพราะการเลี้ยงสัตว์มักมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามมา ควรมั่นใจว่าคุณมีความรับผิดชอบมากพอที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายรวมถึงรับผิดชอบให้เหล่าสัตว์เลี้ยงมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้
จะเห็นได้ว่าจริงๆแล้วการเลี้ยงสัตว์ในคอนโดไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าคุณมีความพร้อมที่ดีพอในการดูแลสัตว์เลี้ยงรวมถึงตกแต่ง condo ให้เหมาะสมกับการเลี้ยงสัตว์ หรือให้ US Furnish เป็นผู้ช่วยในการออกแบบและตกแต่งภายใน condo ของคุณให้พร้อมต่อการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในห้อง เพื่อให้คุณสามารถอาศัยอยู่ร่วมกันกับสัตว์เลี้ยงได้อย่างมีความสุข
- Published in blog
เลือกบริษัทรับทำบิ้วอินอย่างไรให้มั่นใจว่าได้งานดี มีคุณภาพ
งานบิ้วอินถือเป็นอีกหนึ่งงานหินในการตกแต่งภายในคอนโดและบ้าน ไม่ว่าจะเป็นสำหรับคอนโดหรือบ้านที่สร้างใหม่หรืองานรีโนเวทก็ตาม ดังนั้นจึงถือว่าเป็นงานหินสำหรับเจ้าของบ้านหรือคอนโดเช่นกันในการที่จะหาบริษัทผู้รับเหมาที่สามารถรับทำเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน ได้ตรงกับใจ รวมถึงตรงกับความต้องการของเจ้าของบ้าน นอกจากนี้งานที่ได้ต้องเป็นงานที่มีคุณภาพ ทนทาน เพราะเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของบ้านและคอนโด ที่จะอยู่คู่กับที่พักอาศัยของดราไปอีกนานแสนนาน มาดูว่าจะมีเทคนิคหรือทริคอะไรบ้าง ที่ใช้สำหรับการเลือกบริษัทรับทำบิ้วอิน
เทคนิคสำหรับเลือกบริษัทรับทำบิ้วอิน
1. เลือกบริษัทที่ใช้วัสดุที่ได้คุณภาพ
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่างานบิ้วอิน คือ งานเฟอร์นิเจอร์ที่ที่ติดอยู่กับตัวบ้าน ไม่สารถเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนได้ ข้อดี คือ เราจะได้บ้านหรือคอนโดที่สวยมีเฟอร์นิเจอร์เรียงตัวเป็นระเบียบ รวมถึงถูกออกแบบมาอย่างมีดีเอกลักษณ์ และดีไซน์ที่เข้ากับตัวบ้านของเรา ดังนั้นแล้วเราคงอยากที่จะให้ผลงานที่สวยงามนี้อยู่คู่บ้านเราตลอด หากเป็นงานไม้ก็ต้องมีการเคลือบกันปลวก กันชื้น และกันเชื้อราเป็นอย่างดี หรือหากเป็นงานกระเบื้อง กระจก หรือหินอ่อน ควรมีคุณภาพมากพอที่จะไม่แตกหรือเป็นรอยขีดข่วนง่าย ๆ แม้ว่าจะเจอกับอะไรก็ตาม
2. เลือกบริษัทที่รับทำบิ้วอินครบวงจร
ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการบิ้วอินเฟอร์นิเจอร์ คือ เราสามารถคุมโทนบ้านได้ทั้งหลัง คอนโดได้ทั้งห้อง ด้วยการสั่ง custom เฟอร์นิเจอร์ในชุดเดียวกัน เพราะฉะนั้นจึงต้องมองหาบริษัทรับบิ้วอิน ที่รับทั้งบิ้วอินห้องนั่งเล่น บิ้วอินห้องน้ำ บิ้วอินห้องครัว และบิ้วอินห้องนอน เพื่อให้ได้บ้านในสไตลืของเราแบบทุกซอกทุกมุม
3. เลือกจากความสะดวกสบายในการใช้บริการ
ความสะดวกสบายในการใช้บริการเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลัก ๆ ที่เราควรใช้ตัดสินใจเมื่อต้องการเลือกผู้รับเหมาสำหรับงานรับออกแบบตกแต่งภายในคอนโดหรือบ้าน นั่นก็เป็นเพราะงานตกแต่งภายในต้องใช้ความละเอียดอ่อนและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการทำงานในบางครั้งเราอาจมีข้อสงสัยหรือข้อกังขาในระหว่างการทำงานของทีมงาน หรืออยากปรับเปลี่ยนงานออกแบบดีไซน์ให้ตรงใจมากขึ้นและไม่อยากปล่อยให้ความรู้สึกเหล่านี้ค้างคาเป็นเวลานาน การเลือกบริษัทรับทำบิ้วอินที่สามารถติดต่อได้สะดวก ตลอดทุกวันจันทร์ถึงอาทิตย์จะตอบโจทย์มาก
4. เลือกจากการให้บริการหลังการขาย
เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นกับงานบิ้วอินอาจไม่ได้เกิดขึ้นโดยทันทีที่ได้รับมอบงานจากบริษัทผู้รับเหมา แต่อาจเกิดขึ้นเมื่อผ่านการใช้งานไปสักระยะหนึ่ง ดังนั้นข้อนี้จึงควรเป็นอีกข้อที่นำมาพิจารณาประกอบการเลือกบริษัทผู้รับเหมาที่จะเข้ามาช่วยเรื่องงานบิ้วอินบ้านหรือคอนโดของเรา หากบริษัทรับทำบิ้วอินที่ใช้มีประกันหลังจากมีการใช้งาน หรือมีการให้บริการเคลมหรือแจ้งซ่อมเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน จะถือเป็นหนึ่งในตัวเลือบริษัทรับทำบิ้วอินที่ดีไม่น้อยเลย
5. เลือกจากราคาที่เหมาะสม
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรื่องราคา คือ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดของคนทำบ้าน หรือตกแต่ง condo เพราะการจะตกแต่งออกแบบภายในคอนโดหรือบ้านนั้นใช้เงินจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว การเลือกราคาบริษัทผู้รับเหมาที่ดีไม่ได้หมายถึงราคาที่ถูกที่สุดในท้องตลาดเสมอไป แต่ควรเลือกบริษัทรับทำบิ้วอินที่ให้ราคาเหมาะสมกับคุณภาพหรือความต้องการที่เราอยากได้ นอกจากนี้ให้ลองเลือกบริษัทมีการแจกโปรโมชั่นเพื่อลูกค้า อย่างเช่น การประเมินราคาฟรี หรือส่วนลดค่าเดินทางไปประเมินราคาพื้นที่จริง เมื่อทำงานบิ้วอินกับบริษัทนั้น ๆ
ทำไมต้องใช้บริการรับออกแบบตกแต่งภายในกับ US Furnish
ที่ US Furnish เรามีการให้บริการหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการรับทำบิ้วอิน รับทำครัวบิ้วอิน รับบิ้วอินห้องนอน รับบิ้วอินห้องน้ำ รับตกแต่งคอนโด หรือรับบิ้วอินบ้าน และในงานทุกประเภทเราพร้อมให้คุณได้มั่นใจกับวัสดุที่เราใช้ว่าเป็นวัสดีที่มัคุณภาพ และได้มาตรฐาน รวมถึงบริการหลังการขายที่เป็นเลิศ เพราะเรารับประกันเฟอร์เจอร์บิ้วอินทุกชิ้น 1 ปีเต็ม สามารถแจ้งเคลมหรือแจ้งซ่อมได้แบบไม่มีวันหยุด ตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม ส่วนเรทราคาที่เราประเมินให้รับรองว่าคุ้มค่ากับงานที่คุณจะได้รับแน่นอน หากสนใจสามารถติดต่อได้ตามช่องทางต่าง ๆ ด้านล่างนี้
ที่อยู่: 97/505 ถนนรังสิต-นครนายก ต.ปังยีโถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 12130
เบอร์โทร: 092 721 1559
Facebook: facebook.com/USFurnish/
Email: sales@usfurnish.com
Line: @sales-usfurnish
Instagram: @usfurnish
- Published in blog
ตกแต่งบ้าน ตกแต่งcondo ด้วย Interior designer อย่างไร ให้ถูกใจ ครบจบในสไตล์ที่คุณต้องการ
แม้ว่าการตกแต่งบ้านหรือคอนโดนั้นไม่ใช่เรื่องยากมากนัก แต่ไม่ควรชะล่าใจ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นเดียวกัน หากต้องการเลือกใช้บริการรับออกแบบภายใน เพื่อได้บ้านและคอนโดที่ถูกใจทั้งภายนอกภายใน ควรชั่งน้ำหนักระหว่างความสวยงามกับประโยชน์ใช้สอยให้ดีเสียก่อน ผู้อยู่อาศัยควรให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนในการสร้างอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง โดยการตกแต่งภายในให้สมบูรณ์นั้น มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
1.คิด สรุป และเตรียมข้อมูลสำหรับบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน
ก่อนจะเริ่มหาบริษัทรับออกแบบภายใน เจ้าของบ้านควรทำความเข้าใจความต้องการของตนเอง และ สมาชิกในครอบครัวก่อนว่าต้องการที่อยู่อาศัยแบบใด การใช้งานแต่ละห้องเป็นอย่างไร ตกแต่งสไตล์ไหน และสรุปความต้องการออกมาให้ชัดเจน หากมีภาพตัวอย่างประกอบด้วยยิ่งดี เพื่อให้นักออกแบบภายในทำความเข้าใจได้ง่าย อีกทั้งยังช่วยตัดปัญหาเจ้าของบ้านปรับเปลี่ยนงานในภายหลัง ซึ่งอาจทำให้งานเกิดความล่าช้ากว่ากำหนด รวมถึงทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ เนื่องจากต้องรื้องานแก้ใหม่
2. ทำความรู้จักสไตล์งานของนักออกแบบภายในที่ชอบ
อินทีเรียแต่ละคนมีสไตล์การออกแบบที่ไม่เหมือนกัน บางคนถนัดงานสไตล์โมเดิร์น บางคนอาจถนัดสไตล์คลาสสิก หากผู้จ้างชอบงานประเภทไหน ควรเลือกมัณฑนากรที่มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบตกแต่งภายในในสไตล์นั้นๆ หรือเลือกใช้บริษัทที่มีมัณฑนากรหลากหลายสไตล์ เพื่อให้ได้แบบที่ตรงใจ ซึ่งถ้าหากผู้อยู่อาศัยมีงบประมาณที่จำกัด สามารถแจ้งมัณฑนากรให้ทราบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหางบบานปลาย
3. สำรวจความเชี่ยวชาญของมัณฑนากร และ บริษัทออกแบบภายใน
การจะเลือกบริษัทออกแบบภายใน ไม่ใช่เพียงแค่พิจารณาจากรูปผลงานที่นำเสนอเท่านั้น แต่ควรพิจารณาร่วมกับประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาควบคู่กันไปด้วย ว่ามีการทำงานอย่างเป็นระบบหรือไม่ เริ่มตั้งแต่มีทีมนักออกแบบตกแต่งภายใน ควรเลือกคนที่มีความเชี่ยวชาญ ประสานงานรวดเร็ว รับฟังความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน
4. พูดคุยกับนักออกแบบตกแต่งภายใน
เนื่องจากการตกแต่งบ้านเป็นงานที่ละเอียดอ่อน มัณฑนากร หรือ บริษัทรับออกแบบตกแต่งภายในควรทำความเข้าใจความต้องการของเจ้าของบ้านในทุกมิติ ตั้งแต่คอนเซ็ปต์ที่ต้องการเพื่อให้งานออกมาในทิศทางที่สอดคล้องกัน รวมถึงแนวคิด สไตล์ การใช้สี การเลือกวัสดุ เป็นต้น ซึ่งนักออกแบบตกแต่งภายในที่ดีจะทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า และ นำเสนอไอเดียของตนสอดแทรกไปในงานอย่างใส่ใจเพื่อให้ผลงานออกมาสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
5. พูดคุยกับนักออกแบบตกแต่งภายใน
บริษัทรับออกแบบภายในที่ดีมีความน่าเชื่อถือ จะต้องมีการแจ้งรายละเอียดค่าใช้จ่ายไว้อย่างครบถ้วน เพื่อให้เจ้าของบ้านสามารถเตรียมงบประมาณล่วงหน้าได้ และ ป้องกันปัญหางานออกแบบตกแต่งภายในล่าช้ากว่ากำหนด เมื่อมีการพูดคุยถึงความต้องการอย่างชัดเจนแล้ว เจ้าของบ้านอาจขอใบเสนอราคา และ รายละเอียดค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงค่าบริการใช้จ่ายแอบแฝงต่างๆได้เลย
การออกแบบตกแต่งภายใน อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการก่อสร้างที่อยู่อาศัย
ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด อาคาร ออฟฟิศ หรือร้านค้า งานออกแบบตกแต่งภายใน เปรียบเสมือนการแสดงออกถึงอัตลักษณ์ รวมถึงสไตล์ที่สะท้อนผ่านงานตกแต่ ทั้งนี้งานออกแบบตกแต่งภายในจะสำเร็จลุล่วงตามความต้องการได้ ขึ้นอยู่กับ Interior designer ซึ่งมีหน้าที่ออกแบบ วางแผน และควบคุมงานสถาปัตยกรรมภายในอาคาร ทั้งในด้านศิลปะ เพื่อสร้างสรรค์ความสวยงาม รวมถึงมาตรฐานในเชิงโครงสร้างการใช้งาน ซึ่งนักออกแบบตกแต่งภายในที่ดีควรจะต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้
1. เข้าใจ และ ตอบโจทย์ทุกจินตนาการ
นักออกแบบที่ดีต้องสามารถแนะนำได้ว่าในพื้นที่ลักษณะนี้เมื่อรวมกับความต้องการของลูกค้าแล้ว สามารถผสมผสานออกมาให้ลงตัวได้อย่างไร อีกทั้งยังเป็นที่ปรึกษาช่วยแนะนำภาพในความคิดของลูกค้า ออกมาเป็นรูปเป็นร่างที่เห็นชัดเจนมากขึ้น เพื่อให้ได้ห้องในฝันตามแบบที่ผู้อยู่อาศัยต้องการ
2. ให้ความสำคัญถึงประโยชน์ในการใช้สอย
การตกแต่งบ้านให้สมบูรณ์ คือการผสมผสานระหว่างศาสตร์ และ ศิลป์ ตั้งแต่การจัดวางพื้นที่ รวมไปถึงคำนึงถึงการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ และการบิ้วอินที่มีความแตกต่างกันในการบิ้วอินบ้าน บิ้วอินคอนโด หรือสถานที่อื่นๆ ไปจนถึงหลักการออกแบบให้เป็นไปตามมาตรฐาน ส่วนหนึ่งจะใช้หลักการนำพฤติกรรมของผู้อยู่อาศัย และ สัดส่วนของผู้อยู่อาศัยมาออกแบบ เช่น ส่วนสูง การเดิน การกางแขน จำนวนผู้ใช้งานในพื้นที่นั้นๆ นำมาวิเคราะห์อย่างละเอียดก่อน เพื่อจัดสรรพื้นที่ให้ลงตัว เหมาะสมเเก่การอยู่อาศัย พร้อมใช้งานมากที่สุด
3. มีความเชี่ยวชาญในงานออกแบบตกแต่งภายใน อาศัยประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
เนื่องจากการทำบ้านมีงานของโครงสร้างอาคารเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งมีรายละเอียดปลีกย่อยจำนวนมาก รวมถึงการเลือกใช้วัสดุ และ สีสันให้เหมาะสมกับพื้นที่ ความเชี่ยวชาญจาก Interior Designer จึงมีส่วนสำคัญในการออกแบบเพื่อช่วยให้พื้นที่ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น และตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด
4. ถ่ายทอดความต้องการได้ตรงใจ
ปัญหาที่พบเจอได้บ่อยของการควบคุมงานออกแบบตกแต่งภายในเอง คือการได้รับงานที่ไม่ตรงตามความต้องการ อาจมีสาเหตุมาจากการสื่อสาร การใช้คำศัพท์เทคนิคเฉพาะทาง ทำให้ผู้รับเหมาไม่เข้าใจสิ่งที่เราต้องการสื่อสารได้ครบถ้วน รวมถึงอาจทำให้งานล่าช้า แต่ Interior Designer จะเป็นคนกลางที่ช่วยสื่อสารความต้องการของผู้จ้างและผู้รับเหมาได้อย่างตรงใจมากยิ่งขึ้น
5. ทำงานคุ้มค่าเงิน ประหยัดเวลา และได้คุณภาพ
นักออกแบบภายในจะช่วยควบคุมเรื่องงบประมาณไม่ให้บานปลาย จากการลองผิดลองถูก เช่น การเลือกเฟอร์นิเจอร์ วอลล์เปเปอร์ ของตกแต่ง ตลอดจนเรื่องของคุณภาพงานผลิตที่ Interior Designer ช่วยตรวจสอบก่อนรับมอบงานเสมอ
US Furnish เรามีทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์ในการทำงานตกแต่งภายใน งานบิ้วท์อิน ด้วยประสบการณ์มากกว่า 10 ปี สามารถถ่ายทอดงานที่ออกแบบให้มีความสร้างสรรค์ ทันสมัย และตามสไตล์ของผู้อยู่อาศัยให้มากที่สุดในทุกขั้นตอน US Furnish พร้อมดูแลลูกค้าอย่างครบวงจร เพื่อให้บ้านและคอนโดในฝันของคุณกลายเป็นความจริง
- Published in blog
ข้อควรต้องรู้สำหรับเจ้าบ้าน ในการใช้บริการบริษัทรับออกแบบภายในตั้งแต่ต้นจนจบ
เมื่อกล่าวถึงการแต่งบ้านในปัจจุบันแล้ว ต้องยอมรับว่าทุกคนสามารถตกแต่งบ้านได้ด้วยตนเอง ตามไลฟ์สไตล์ และ รสนิยมความชอบส่วนบุคคล แต่ถึงกระนั้นการสร้างสรรค์ตกแต่งภายในบ้านให้ออกมาสวยงาม อยู่สบาย พร้อมทั้งสามารถใช้งานได้อย่างครบครัน เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องคำนึงถึงหลายเหตุปัจจัยในการสร้างขึ้น ไม่เพียงแค่คำนึงถึงความสวยงามเท่านั้น แต่ยังควรควบคุมความเหมาะสมของวัสดุ และ โครงสร้างอีกด้วย เพราะเหตุนี้จึงทำให้เจ้าของบ้านจำนวนมากต้องการมองหาผู้มารับหน้าที่สร้างสรรค์ทุกอย่างภายในบ้านให้มีความลงตัวมากที่สุด อย่างนักออกแบบตกแต่งภายใน หรือ มัณฑนากร
นักออกแบบตกแต่งภายใน เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่หลายคนเรียกติดปากว่า อินทีเรีย ซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ออกแบบพื้นที่ว่างภายในอาคาร (Space) โดยคัดสรรวัสดุที่เหมาะสม พร้อมออกแบบให้ตอบสนองการใช้งาน (Human Scale) และอยู่ภายใต้บริบทของความสวยงาม นอกจากนั้นหน้าที่ของมัณฑนากรมีความแตกต่างจากสถาปนิกอยู่พอสมควร โดยสถาปนิกคือผู้ออกแบบตัวอาคารโดยรวมทั้งหมด ต้องทำงานร่วมกับวิศวกร ช่างผู้รับเหมา แต่มัณฑนากรเป็นผู้รับหน้าที่ออกแบบตกแต่งภายในเท่านั้น
ในกรณีที่ต้องออกแบบพื้นที่ภายในอาคารสาธารณะ ขนาด 500 ตารางเมตรขึ้นไป ผู้ออกแบบจำเป็นต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม สาขาสถาปัตยกรรมภายใน และมัณฑนศิลป์ จากสภาสถาปนิก ตามกฎกระทรวง พ.ศ. 2549 ว่าด้วยการกำหนดวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุม ซึ่งในขั้นตอนของการทำงานออกแบบ ทั้งสถาปนิก และ มัณฑนากรจะต้องทำงานร่วมกัน เพื่อให้บ้านหนึ่งหลังสวยงามทั้งภายนอก พร้อมทั้งอยู่สบายในพื้นที่ภายใน
แต่ในบางกรณีอย่างบ้านโครงการจัดสรร หรือ คอนโดมิเนียมที่ต้องรอการก่อสร้างเสร็จก่อน มัณฑนากรจึงจะเข้าดำเนินการออกแบบตกแต่งได้ในภายหลัง โดยระหว่างก่อสร้างมัณฑนากรจะเข้าตรวจสอบความเรียบร้อย และ สำรวจส่วนต่างๆ อาทิเช่น การวางระบบไฟ ระบบน้ำ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับการใช้งานของเจ้าของบ้าน ไปพร้อมกับการตกแต่งภายในให้เกิดความสวยงาม
แบ่งเงินสำหรับใช้ ‘ตกแต่งภายใน’ อย่างไรดี
หากต้องการออกแบบบ้านภายใน สิ่งที่ควรรู้ในเบื้องต้นสำหรับบอกกล่าวกับมัณฑนากร คือ ความต้องการของตนเอง อย่างรูปแบบความสวยงาม หรือ สไตล์บ้านที่ตนเองชื่นชอบ ตลอดจนการใช้งาน พร้อมทั้งกิจกรรมภายในบ้านที่ตนเอง และ ครอบครัวทำร่วมกันอยู่เสมอ นอกจากนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ งบประมาณสำหรับตกแต่งภายใน โดยวิธีคำนวณเงินเบื้องต้นสำหรับตกแต่งภายในนั้น ให้แบ่งเงิน 30% ของราคาบ้าน เพื่อเป็นค่าจัดสรรพื้นที่ภายใน ซึ่งภายในงบ 30% ของราคาบ้าน จะประกอบไปด้วย ค่าออกแบบโดยมัณฑนากร ค่าวัสดุ ค่าเฟอร์นิเจอร์ และค่าแรงช่าง
ทั้งนี้งบตกแต่งภายในจะมากหรือน้อยกว่านี้นั้น สามารถตั้งงบได้ตามสะดวก โดยที่เจ้าของบ้านเลือกจัดจ้างเฉพาะมัณฑนากรสำหรับออกแบบ แล้วหาช่างผู้รับเหมาเอง หรือมอบหน้าที่ทั้งหมดให้ มัณฑนากรดูแล ไปจนถึงการจัดจ้างบริษัทออกแบบภายใน ขึ้นอยู่กับข้อตกลงที่มีร่วมกัน ซึ่งค่าบริการออกแบบมักถูกกำหนดโดยสมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย (TIDA) เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ในส่วนของระดับอัตราค่าบริการวิชาชีพขั้นพื้นฐาน หรือค่าจ้างอินทีเรียนั้น ถูกกำหนดไว้เป็น 3 รูปแบบด้วยกันคือ
1.การคิดค่าบริการวิชาชีพแบบอัตราร้อยละ (Percentage of Project)
2.การคิดค่าบริการวิชาชีพแบบคำนวณจากเวลาทำงาน (Hourly Rate)
3.การคิดค่าบริการวิชาชีพแบบเหมารวม (Lump Sum)
ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว จะคิดค่าบริการออกแบบอัตราร้อยละ ตามลักษณะกลุ่มอาคารที่แบ่งเป็น 4 ประเภทด้วยกัน โดยบ้านพักอาศัย และ ห้องชุดพักอาศัย ถูกจัดอยู่ในอาคารประเภทที่ 2 โดยมีการคิดค่าบริการออกแบบดังนี้
- งบตกแต่งภายในไม่เกิน 5 ล้าน คิดค่าบริการวิชาชีพ 15%
- งบตกแต่งภายใน 5-10 ล้าน คิดค่าบริการวิชาชีพ 13%
- งบตกแต่งภายใน 10-20 ล้าน คิดค่าบริการวิชาชีพ 11 %
- งบตกแต่งภายใน 20-50 ล้าน คิดค่าบริการวิชาชีพ 10 %
- งบตกแต่งภายใน 50-100 ล้านบาท คิดค่าบริการวิชาชีพ 9 %
- งบตกแต่งภายใน 100-200 ล้านบาท คิดค่าบริการวิชาชีพ 8 %
- งบตกแต่งภายใน 200-500 ล้านบาท คิดค่าบริการวิชาชีพ 7 %
- งบตกแต่งภายใน 500 ล้านบาทขึ้นไป คิดค่าบริการวิชาชีพ 5 %
ควรจ่ายค่าจ้างช่วงเวลาไหน
โดยปกติทั่วไปแล้วเจ้าของบ้านมักจะไม่จ่ายเงินเป็นก้อนใหญ่ครั้งเดียวตั้งแต่ก่อนงานเริ่ม เพราะหากเป็นเช่นนั้น อาจเสี่ยงต่อการหนีงานเป็นอย่างสูง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการจัดจ้างสร้างบ้าน ต่อเติมบ้าน หรือตกแต่งบ้านก็ควรมีการแบ่งจ่ายเป็นงวดๆ โดยมาตรฐานสมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมภายใน ปีพ.ศ.2551 ได้มีกำหนดการจ่ายค่าออกแบบ ดังต่อไปนี้
เริ่มต้นที่ 10% ขั้นตอนการตกลงว่าจ้าง และ ทำสัญญาจ้าง 30% เสนองานออกแบบ หรือ ส่งแบบร่างเบื้องต้น ซึ่งเป็นแบบที่เกิดจากการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ สร้างสรรค์ให้เกิดความสวยงามตามแบบที่เจ้าของบ้านต้องการ ตามด้วย 20% ปรับปรุงแบบ หลังจากเสนอแบบครั้งแรก เจ้าของบ้านสามารถออกความคิดเห็นเพิ่มให้อินทีเรีย เพื่อปรับปรุงแบบตามความเหมาะสม ตลอดจนคัดเลือกสเปควัสดุ เพื่อให้แบบบ้านออกมาดีที่สุด อีก 30% ส่งมอบแบบที่สมบูรณ์ หลังจากปรับปรุงแบบเป็นที่เรียบร้อย ขั้นตอนต่อไปคือสรุปแบบเพื่อให้ช่างผู้รับเหมาดำเนินการสร้างจริง
ในส่วนนี้หากเจ้าของบ้านจัดหาผู้รับเหมาเองจะเป็นอันสิ้นสุดหน้าที่ของผู้ออกแบบ แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะให้อินทีเรียดูแลความเรียบร้อยในขั้นตอนคุมงานก่อสร้างจนบ้านเสร็จสมบูรณ์พร้อมเข้าอยู่ ซึ่งขึ้นอยู่กับเจ้าของบ้าน และ ผู้ออกแบบตกลงกัน ขั้นตอนสุดท้าย 10% เริ่มงานก่อสร้างจนใกล้แล้วเสร็จ เมื่อช่างผู้รับเหมาดำเนินการตกแต่งภายในบ้านตามแบบที่ออกแบบไว้ อินทีเรียจะยังคงดูแลความคืบหน้า ความเรียบร้อยในขั้นตอนก่อสร้างตกแต่งภายในให้เป็นไปตามแบบบ้านที่วางไว้
US Furnish บริษัทรับออกแบบตกแต่งภายในอย่างครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ผลิต ไปจนถึงติดตั้ง จบงานได้ในที่เดียว เพราะเรามีทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์ในการทำงานตกแต่งภายใน งานบิ้วท์อิน ที่มากด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปี นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ US Furnish เข้าใจถึงความสำคัญของบ้านที่เป็นที่พักผ่อนอย่างแท้จริง
- Published in blog
ไอเดียแต่งห้องแบบ Modern Luxury Style พร้อมวิธีการเลือกวัสดุธรรมดาๆ ให้ดูมีราคาแพง
Modern Luxury เป็นหนึ่งในสไตล์การแต่งห้อง ที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากจะทำ รูปแบบของการตกแต่งจะเน้นไปที่ความหรูหรา และ เรียบง่าย ซึ่งสไตล์นี้มักจะให้วัสดุในการทำเฟอร์นิเจอร์มาเป็นจุดที่สร้างความโดดเด่นภายในห้อง เพราะองค์ประกอบสำคัญของการแต่งห้องแบบ Modern Luxury คือการเลือกใช้วัสดุที่จะช่วยให้ห้องของคุณดูแพงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากวัสดุแต่ละชนิดจะมีพื้นผิว ลวดลาย และโทนสีที่อาจส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกภายในห้องของคุณให้แตกต่างกันออกไป โดยการเลือกใช้โทนสีส่วนใหญ่ของสไตล์นี้นั้น ส่วนมากมักจะใช้สีขาว สีดำ ไปจนถึงสีเอิร์ธโทน หรืออาจมีการแซมด้วยสีทอง Metallic เพื่อเน้นความหรูหราให้โดดเด่นขึ้นมา
หลายคนคงคิดว่าหากเลือกจะแต่งบ้านแบบ Modern Luxury คงต้องเสียเงินจำนวนมากในการตกแต่ง แต่ความจริงแล้ว หากคุณเข้าใจถึงการเลือกใช้วัสดุ ก็อาจไม่ต้องลงทุนจ่ายเงินในราคาแพงแต่ก็จะสามารถทำให้ดูแพงได้ไม่ยาก วัสดุที่เลือกนำมาใช้ไม่จำเป็นต้องมีราคาสูงเสมอไป เพียงแค่คุณอาจจะต้องเลือกใช้วัสดุที่สื่อถึงความหรูหรา มีรสนิยม ก็เพียงพอแล้ว ดังนั้น US Furnish ถึงจะพาทุกคนไปรู้จักกับวัสดุที่ ควรค่าแก่การจะนำมาใช้ในการแต่งห้องสไตล์ Modern Luxury ให้ลงตัวมากที่สุดโดยไม่ต้องใช้วัสดุที่มีราคาแพงจนเกินไป
เทคนิคการเลือกวัสดุธรรมดาที่ทำให้ห้องของคุณดูแพงด้วยสไตล์ Modern Luxury
-
สแตนเลส หรือ โลหะที่มีความวาว วัสดุที่ทำให้ห้องมีสไตล์ Modern Luxury
ไม่ว่าจะเป็นโลหะ สแตนเลส อลูมิเนียมขัดเงา ทองเหลือง หรือวัสดุสีเมทัลลิค วัสดุที่กล่าวมานี้นั้น ล้วนมีความแข็งแรง และพื้นผิวมีความมันวาว สามารถช่วยแสดงถึงความมั่งคั่ง เพิ่มความหรูหราจากการสะท้อนของแสงเงา ให้ห้องดูมีความเนี๊ยบ ดูแกรนด์ หากต้องการจะแต่งห้องให้ดูแพง และ ล้ำสมัย การเลือกใช้วัสดุเหล่านี้ก็สามารถทำห้องของคุณดู Modern Luxury ได้โดยไม่ต้องเสียงเงินแพง
-
การติดตั้งกระจกในห้อง ช่วยให้ห้องดูกว้าง
การติดตั้งกระจกภายในห้อง จะทำให้ห้องดูกว้าง มีความอลังการ แต่การจะติดตั้งกระจกภายในห้องควรคำนึงถึง องค์ประกอบในการจัดวาง คุณสามารถเลือกติดกระจกแค่บางมุมก็พอ ไม่ควรติดเยอะแยะมากจนเกินไป เพราะเงาที่สะท้อนกันไปมาอาจทำให้ห้องของคุณดูสับสนวุ่นวาย นอกจากนั้นควรเลือกตำแหน่งในการจัดวางให้ดีอย่าลืมว่ากระจกจะมีภาพสะท้อน ดังนั้นจุดที่จะติดตั้งเป็นสิ่งที่จะบ่งบอกว่าห้องของคุณจะดูสวยงามหรือรก
-
การเลือกเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เรียบหรู
การเลือกเฟอร์นิเจอร์นั้นก็เป็นสิ่งสำคัญของสไตล์ Modern Luxury เพราะคุณไม่ควรที่จะเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์จัดจ้านหรือเยอะ ควรจะเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีความเรียบหรู ดูแพง อาจเป็นวัสดุที่มีพื้นผิวเงา มันวาว ในส่วนของเก้าอี้ และ โซฟา หากเลือกใช้หนังเงา สีน้ำตาล หรือสีดำก็จะทำให้ห้องของคุณดูโดดเด่นน่าหลงใหลโดยไม่ต้องตกแต่งเยอะ
-
ติดตั้งงานศิลปะบนผนัง ชุดสีในการวาด
การติดตั้งงานศิลปะบนผนังเราจะบอกถึงรสนิยมของผู้อยู่อาศัยแล้ว ยังช่วยประหยัดพื้นที่ในการติดตั้งและเพิ่มมิติให้กับผนังในห้องของคุณไม่ให้ดูทื่อจนเกินไป ช่วยเพิ่มความทันสมัย หรูหรา อย่างเรียบง่ายแบบไม่หวือหวา อย่างไรก็ตามทำให้นำมาใช้ในการติดผนังจะกลมกลืนกับการตกแต่งภายในห้องของคุณ หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเซ้นส์ทางศิลปะในการเลือกรูปภาพที่จะนำมาติดตั้งว่าควรจะมีองค์ประกอบ ความหนักเบาของภาพประมาณไหน มีชุดสีในการวาดอย่างไร หากคำนึงถึงรายละเอียดเหล่านี้ก่อนจะนำมาติดตั้งแล้ว รับรองเลยว่าห้องของคุณจะมีความหรูหราโดดเด่นขึ้นมาโดยไม่ต้องเสียเงินแพงจนเกินไปอย่างแน่นอน
US Furnish ผู้ช่วยที่จะทำให้ห้องในฝันของคุณกลายเป็นความจริง
บริษัทของเราเข้าใจถึงความต้องการในสไตล์ที่แตกต่างกันของลูกค้าหลากหลายรูปแบบ เราจึงมีบริการรับออกแบบตกแต่งภายในคอนโด บ้าน ห้องน้ำ และอื่นๆ เพื่อให้คุณได้มีบ้านในฝัน หรือที่อยู่อาศัยเช่นเดียวกันกับในอุดมคติของคุณได้อย่างสมใจ ไม่ว่าคุณจะต้องการแบบไหน เรียบๆ สไตล์วัยรุ่น หรือไปจนถึงโอ่อ่าสีทองแบบได้รับแรงบันดาลใจมาจากวังในราชวงศ์ บริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน US Furnish ของเรา ก็สามารถจัดให้คุณได้หมด ไม่มีเกี่ยงงานอย่างแน่นอน
- Published in blog
แต่งบ้านด้วยสไตล์ Contemporary กับดีไซน์ที่ไร้ข้อจำกัดทางเวลา
Contemporary Style คือ สิ่งที่ผู้คนในช่วงเวลานั้นๆให้ความนิยม อาจเป็นการตกแต่งโดยการจับนำอดีตและปัจจุบันมาผสมผสานให้เข้ากันจนเกิดเป็นดีไซน์ที่ร่วมสมัย เป็นการนำสไตล์การตกแต่งสองรูปแบบมารวมกันในพื้นที่เดียว จนเกิดความลงตัว และ สมดุล จึงทำให้สไตล์ Contemporary มีความยืดหยุ่น ไร้กฎเกณฑ์ และพัฒนาไปตลอดเวลา ไม่ยึดติดกับช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งสไตล์นี้มีความแตกต่างจากสไตล์อื่นๆ ที่มักจะเน้นการออกแบบตกแต่งไปในลักษณะเดียว ไม่ว่าจะเป็นคลาสสิก ลอฟท์ โมเดิร์น หรือสไตล์อื่นๆ
แต่การจะแต่งบ้านด้วยสไตล์ Contemporary อาจต้องศึกษาประมาณหนึ่ง เพราะถึงแม้ว่าสไตล์นี้จะเน้นความเรียบง่ายเป็นหลัก แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอาศัยความเข้าใจเกี่ยวกับศิลปะ เนื่องจากการจะแต่งบ้านสไตล์นี้ได้นั้น ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของ วัสดุ โทนสี และแสงเงา ความกลมกลืนกันของสัดส่วนรูปทรงเฟอร์นิเจอร์ต่างๆกับที่อยู่อาศัย หากศึกษาจนเข้าใจแล้วก็จะสามารถสร้างบ้านออกมาได้อย่างลงตัว เพราะถ้าหากแต่งไปตามใจชอบโดยไม่วางแผนหรือศึกษาไว้ก่อน ก็อาจจะไม่ได้เป็นไปตามที่คิดฝันเอาไว้ก็เป็นได้
องค์ประกอบของการแต่งบ้านด้วยสไตล์ Contemporary
-
เทคนิคการเลือกสีให้เหมาะกับสไตล์ contemporary
สีส่วนมากที่ถูกนำมาใช้มักจะเป็นสีดำ ขาวและเทา หรืออีกรูปแบบหนึ่งคือสีเบจ สีน้ำตาลอ่อน หรือสีครีม จะเห็นได้ว่าโทนสีหลักๆที่ถูกนำมาใช้ในการตกแต่งสไตล์นี้ มักจะเป็นสีพื้นที่นำมาตกแต่งได้ง่ายไม่ว่าจะผสมผสานระหว่างยุคสมัยไหนเข้าด้วยกัน เลือกใช้สีที่มีความคลาสสิก ก็จะยิ่งทำให้ดูมีความล้ำสมัย แต่ก็ยังแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายความเก๋าจากอดีต ดังนั้นการออกแบบบ้านสไตล์ Contemporary จึงควรจะหลีกเลี่ยงสีสด และ ฉูดฉาด เพราะสีเหล่านั้นอาจตกยุคได้อย่างรวดเร็ว แตกต่างจากสีพื้นแนวเอิร์ธโทนที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่มีวันตกอยู่
-
เทคนิคการเลือกวัสดุตกแต่งให้เหมาะกับสไตล์ contemporary
วัสดุส่วนมากที่ถูกนำมาใช้ในการตกแต่งสไตล์ Contemporary มักจะเป็นวัสดุที่มีความโดดเด่นทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นโลหะ แก้ว หรือคอนกรีต เนื่องจากวัสดุเหล่านี้มีความคลาสสิก ทำให้สามารถมองในมุมของความล้ำสมัย หรือจะมองให้ดูเก่าเก็บแต่ยังคลาสสิกเหนือกาลเวลาก็ทำได้เช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการเลือกใช้วัสดุมาวางภายในห้องที่ถูกตกแต่งด้วยสไตล์ Contemporary ก็ควรจะเลือกดีไซน์ที่มีความเรียบหรู รูปทรงน้อยๆ อาจเป็นทรงเรขาคณิตง่ายๆ แต่เมื่อมองโดยรวมแล้วยังคงความคลาสสิกไว้ให้เห็น
-
การเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้ดูมีความ Contemporary
ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่ายและเห็นภาพชัดๆ ก็อาจจะเป็นการนำเฟอร์นิเจอร์เกือบแทบทุกสไตล์มาผสมผสานเข้าด้วยกัน หรือจะเรียกได้ว่านำมา Mix & Match อย่างมีชั้นเชิง เพราะหากนำมาจับเข้าด้วยกันแบบไม่ศึกษามาก่อนนั้น ก็อาจจะทำให้เฟอร์นิเจอร์ต่างๆนั้นดูแปลกแยกและไม่ลงตัว แต่สิ่งที่ควรจดจำหากต้องการจะแต่งด้วยสไตล์นี้ คือไม่ควรใช้โทนสีที่โดดเด่น หรือมีสีสันมากจนเกินไป จึงมักจะถูกเลือกใช้ด้วย เฟอร์นิเจอร์ที่มีโทนสีเอิร์ทโทน และออกแบบอย่างเรียบง่ายไม่เยอะจนลายตา
US Furnish รับออกแบบ ผลิต ติดตั้ง อย่างครบวงจร
US Furnish รับออกแบบตกแต่งภายใน ผลิต ติดตั้ง งานบิ้วท์อิน วอลล์เปเปอร์ และผ้าม่าน ครบวงจรในที่เดียว สามารถออกแบบได้ทุกสไตล์ที่คุณชื่นชอบ เพียงนำแบบที่ต้องการมาคุยกันก่อนเพื่อที่จะประเมินราคาในขั้นตอนต่อๆไป US Furnish เรามีโรงงานเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน และช่างของบริษัท ที่สามารถรับประกันได้ว่าไม่ทอดทิ้งงาน ด้วยประสบการณ์จากช่างฝีมือของเราที่ทำงานมาแล้วหลายสิบปี รับรองเลยว่าบ้านในฝันของคุณจะต้องเกิดขึ้นจริงอย่างแน่นอน
- Published in blog
เคล็ดลับการแต่งห้องสำหรับคนรักต้นไม้ ออกแบบอย่างไรให้กลมกลืนกับธรรมชาติภายในห้องนอนของคุณ
ในปัจจุบันที่ผู้คนต้องพบเจอกับมลภาวะที่เป็นพิษนอกบ้านอยู่เป็นประจำ หลายคนจึงพยายามหาพื้นที่เซฟโซนที่จะทำให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าตลอดทั้งวัน นั่นก็คือห้องนอนของคุณ เพราะไม่ว่าคุณจะทำงานมาเหนื่อยแค่ไหน เมื่อกลับบ้านแล้วคุณก็จะได้พักผ่อนเปรียบเสมือนได้ชาร์จแบตเติมพลังอีกครั้ง นอกจากนั้นสิ่งที่จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายมากกว่าเดิมนั่นก็คือต้นไม้ ผู้คนเริ่มหันมาปลูกต้นไม้ฟอกอากาศในห้องนอนกันมากขึ้น
อาจเป็นเพราะว่าการที่มีต้นไม้สีเขียวในห้อง นอกจากจะช่วยเพิ่มชีวิตชีวา สบายตา และเหมือนได้กลับคืนสู่ธรรมชาติอีกครั้งแล้ว ข้อดีของมันยังจะช่วยให้ผู้อยู่อาศัยสามารถลดระดับความเครียดลงได้ ไม่จำเป็นต้องหาเวลาว่างเพื่อไปเดินชมสวนในสนามข้างนอกบ้านให้เสียเวลาอีกต่อไป เพราะภายในห้องนอนของคุณถูกประดับตกแต่งไปด้วยต้นไม้ฟอกอากาศเหล่านี้นั่นเอง ไม่เพียงเท่านั้นต้นไม้จะช่วยสร้างออกซิเจนให้กับห้องนอนของคุณในตอนกลางวัน และเมื่อต้นไม้ภายในห้องของคุณได้ปล่อยออกซิเจนไว้ จะสามารถช่วยคุณนอนหลับได้ดียิ่งขึ้น เพราะต้นไม้จะช่วยลดปริมาณก๊าซที่เป็นพิษในห้องไม่ว่าจะเป็นฟอร์มาลดีไฮด์ เบนซีน หรือไตรคลอโรเอทีลีน เป็นต้น
โทนสีที่จะช่วยให้การตกแต่งต้นไม้ในห้องนอน ดูกลมกลืนอย่างเป็นธรรมชาติ
หากคุณเป็นคนที่ชอบต้นไม้แต่ไม่รู้ว่าจะแต่งห้องอย่างไรให้เข้ากันกับต้นไม้ที่คุณมีอยู่ เราขอแนะนำ กลุ่มสีเอิร์ธโทน เป็นกลุ่มสีธรรมชาติ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสีของสิ่งแวดล้อมภายในธรรมชาติ เช่น ต้นไม้ ดิน ท้องฟ้า ทะเล ภูเขา ให้ออกมาเป็นโทนสีเขียว โทนสีเทา โทนสีน้ำตาล รวมไปถึงสีอื่นๆที่เลียนแบบมาจากธรรมชาตินั่นเอง สีเอิร์ธโทนเป็นโทนสีที่จะช่วยห้องของคุณดูโล่งสบายตาเหมาะกับการตกแต่งด้วยวัสดุไม้ เพราะจะช่วยสร้างบรรยากาศในการนอนหลับให้ดีมากยิ่งขึ้น ดูอบอุ่นอย่างเป็นธรรมชาติ
ซึ่งการแต่งห้องสไตล์นี้นั้นค่อนข้างจะคลาสสิก ไม่ว่าจะผ่านไปอีกนานเท่าไหร่ห้องของคุณก็จะดูไม่เก่า เนื่องจากสีโทนนี้จะค่อนข้างเรียบและไม่หวือหวา แต่สามารถช่วยฟังอารมณ์ความรู้สึกให้ห้องนอนของคุณสดชื่นและปลอดโปร่ง ราวกับได้ไปสัมผัสกับธรรมชาติจริงๆ US Furnish จะพาทุกคนไปดูไอเดียการแต่งห้องสไตล์ เอิร์ธโทน ที่ไม่ว่าดูกี่ทีก็รับรองได้ว่าไม่เบื่ออย่างแน่นอน
1.สีโทนน้ำตาลครีม
เป็นโทนสีเบอร์ต้นๆ ที่จะช่วยให้ห้องของคุณดูอบอุ่นขึ้น ช่วยถนอมสายตาและให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สามารถตกแต่งให้เข้ากันกับ เฟอร์นิเจอร์หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์สีขาวที่ช่วยให้ห้องปลอดโปร่งดูสว่างและกว้างขึ้น หรือจะเป็นสีไม้ให้ดูกลมกลืนกับธรรมชาติ สดชื่น มีสเน่ห์ และน่าค้นหา สีนี้เป็นโทนสีกลางๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบสีอ่อนหรือเข้มจนเกินไป หากเลือกใช้โทนสีนี้รับรองเลยว่าห้องนอนของคุณจะดูอบอุ่นและกลมกลืนกับต้นไม้ภายในห้องอย่างแน่นอน
2.สีเขียวเบจหม่นๆ
เป็นสีที่จะทำให้ห้องของคุณดูคูลมากยิ่งขึ้น เป็นสีกลางๆ ที่จะทำให้สัมผัสได้ถึงบรรยากาศเย็นๆเงียบสงบ ร่มรื่น และผ่อนคลายได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งสีโทนนี้เป็นอีกหนึ่งโทนสีที่สามารถตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หลากหลายสไตล์ รับรองได้ว่าไม่ว่าคุณจะแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์แบบไหน ก็กลมกลืนกับต้นไม้ในห้องของคุณสุดๆ
หากพูดถึงสีเอิร์ธโทนที่จะกลมกลืนกับธรรมชาติ คงจะหนีไม่พ้นสีฟ้า เพราะเป็นสีที่ให้ความรู้สึกเป็นอิสระ เรียบง่าย ปลอดโปร่ง และผ่อนคลาย นอกจากนั้นสีนี้ยังสามารถแต่งห้องได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้องที่มีความลอฟท์ ตกแต่งด้วยสไตล์แบบดิบๆ ปูนเปลือย เป็นต้น สีนี้เป็นสีที่จะช่วยเพิ่มลูกเล่นให้ห้องนอนของคุณดูใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด
US Furnish ผู้ช่วยในการแต่งบ้านหลากหลายสไตล์
บริษัทของเรารับออกแบบตกแต่งภายใน พร้อมบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยม มีไอเดียสร้างสรรค์ที่ไม่เหมือนใคร ทำงานอย่างมืออาชีพด้วยประสบการณ์ที่มีมาอย่างยาวนาน สามารถติดต่อใช้บริการรับออกแบบ ตกแต่งภายในบ้านของคุณได้ตลอดเวลา ด้วยขั้นตอนการทำงานที่ง่าย หากกำลังมองหาบริษัทออกแบบภายในอย่างครบวงจร เลือกบริษัท US Furnish Consult รับรองได้ว่าคุณจะมีบ้านในฝัน หรือที่อยู่อาศัยในฝันดั่งอุดมคติได้สมใจอย่างแน่นอน
- Published in blog